นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) กล่าวว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องของโลก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศยังคงมีความแตกต่างกัน ในสหรัฐอเมริกาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำได้รวดเร็ว สำหรับไทยเมื่อช่วงปลายปี 64 รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนชิปในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Semiconductor Shortage) การปรับขึ้นราคาพลังงาน และอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นนั้น ยังคงเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3 ปีบัญชี 64/65 (ต.ค.-ธ.ค. 64) บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,944.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,593.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.6% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 31.4% และมีกำไรสุทธิรายไตรมาสที่ 402.0 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 433.4 ล้านบาท หรือ ลดลง 7.2%
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 773.7 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับยอดขายในประเทศทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 แม้ว่าการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ขณะที่ยอดขายจากต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป และ สหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา ได้รับประโยชน์จากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas และ TJM มีรายได้จากการขาย 1,417.5 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 9.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามคำสั่งซื้อของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเติบโตตามอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ต้องการใช้ยานยนต์ส่วนตัวแทนระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะซึ่งใช้งานอเนกประสงค์ อย่างไรก็ตามยอดขายของกลุ่มบริษัท แอร์โรคลาส ยังคงได้รับผลกระทบจากความล่าช้าจากกระบวนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย ยอดขายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เริ่มเห็นการชะลอตัวจากไตรมาส 2 ปีบัญชี 64/65 (ก.ค.-ก.ย. 64) เนื่องจากผลกระทบของมาตรการปิดเมืองในบางพื้นที่เพื่อลดการแพร่ระบาดโควิด-19 และความล่าช้าจากการส่งมอบรถยนต์ใหม่เนื่องจากชิปขาดแคลน (Semiconductor Shortage)
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 753.3 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 15.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคในยุควิถีใหม่ (New Normal) ที่นิยมสั่งอาหารแบบ จัดส่งถึงที่ (Delivery) หรือซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้านมากขึ้น
บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าเพิ่มขึ้น 16.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาวัตถุดิบกลุ่มปิโตรเคมีบางประเภทปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทได้จัดหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตในหลายประเทศเพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยจากราคาวัตถุดิบมีราคาเหมาะสม สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 30.3% มาจากค่าขนส่งของกลุ่มแอโรเฟลกซ์ และ กลุ่มแอร์โรคลาส รวมถึงการเพิ่มร้านค้าสาขา TJM และการเพิ่มบุคลากรในออสเตรเลีย เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ 83.7 ล้านบาท จากการฟื้นตัวตามกลุ่มอุตสาหกรรมฉนวนกันความร้อน/เย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปีบัญชี 64/65 (เม.ย.-ธ.ค. 64)บริษัทมีรายได้จากการขาย 8,858.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,264.3 ล้านบาท สูงขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายเฉลียว ยังคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีบัญชี 64/65 (ม.ค.-มี.ค. 65) มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นเกินกว่าเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท จากอุปสงค์ของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 65)
Tags: EPG, หุ้นไทย, อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป, เฉลียว วิทูรปกรณ์