ราคาหุ้น EPG พุ่งขึ้น 4.46% เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มาที่ 11.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 282.16 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.57 น.จากราคาเปิด 11.40 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 11.80 บาท ราคาต่ำสุด 11.40 บาท
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 64/65 (ต.ค.-ธ.ค.64) มีแนวโน้มจะดีขึ้น เบื้องต้นประเมินกำไรเท่ากับ 443 ล้านบาท (+8%QoQ, +3%YoY) แรงหนุนจากธุรกิจฉนวนยาง (AeroFlex) ทั้งไทย และ สหรัฐ มีการฟื้นตัวได้ดี หลังโควิด-19 ผ่อนคลายลง และสหรัฐฯได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ บวกด้วยการปรับขึ้นราคา และ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) กลับมาเติบโตได้ดี หลังไทยมีการเปิดประเทศมากขึ้น
แม้ว่าธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) จะชะลอตัวลงเล็กน้อยถูกกระทบจากประเทศออสเตรเลีย และ ยังมีประเด็นไมโครชิปขาดแคลนบ้าง รวมแล้วคาดยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,034 ล้านบาท (+2%QoQ, +17%YoY) และ อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้นเป็น 31.9% จาก 30.7% ในไตรมาสก่อน แรงหนุนจาก EPP มีอัตรากำไรขั้นต้นกลับมาปกติ แต่ลดลงจาก 33.2% ในปีก่อนจากต้นทุนสูงขึ้น
นอกจากนี้จะได้แรงหนุนเพิ่มจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของบริษัทลูกในต่างประเทศประเทศที่มีผลประกอบการดีขึ้น 68 ล้านบาท (+10%QoQ, +67%YoY)
ธุรกิจของ EPG ทั้งสามธุรกิจ มีแนวโน้มจะเติบโต คือ 1) ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) แรงหนุนกำลังการผลิตใหม่ในสหรัฐฯ มีการทยอยปรับขึ้นราคา 2) ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) แรงหนุนจากส่งออก และ เก็บเกี่ยวการลงทุนในอดีต และ 3) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) แรงหนุนจากการเปิดประเทศ อีกทั้งมี JV ในประเทศไทย จีน อินเดีย แอฟริการใต้ และ ญี่ปุ่น ช่วยหนุนให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนมีการเติบโตได้ดี เราประเมินยอดขายปี 2564/65 เท่ากับ 11,697 ล้านบาท โต 22% และมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 1,652 ล้านบาท โต 36%
ส่วนผลประกอบการ 9 เดือนแรกงวดปี 64/65 ยอดขายและกำไรจะเติบโตสูงถึง 30% และ 60% ตามลำดับ และมีสัดส่วนคิดเป็น 77% และ 79% ตามลำดับ ของประมาณการทั้งปีเรา และ แนวโน้มงวดไตรมาส 4 ปี 64/65 จะดีต่อเนื่องทำให้ประมาณการของเรามีอัพไซด์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ม.ค. 65)
Tags: EPG, หุ้นไทย, อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป