นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) กล่าวว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 70% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,735.87 ล้านบาท มุ่งตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร
ล่าสุด CV ได้เข้าลงทุนในบริษัท DKC Energy Joint Stock Company (DKC Energy) ในประเทศเวียดนาม จำนวน 105,000 หุ้น หรือคิดเป็น 60% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ DKC Energy โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 153,825,766,000 ดองเวียดนาม หรือคิดเป็นมูลค่า 227.20 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellets) มีกำลังการผลิต 89,000 ตันต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้
บริษัทมั่นใจว่า DKC Energy เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต สอดรับกับนโยบายภาครัฐที่ให้การสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอื่นอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าเฉพาะรายได้จากธุรกิจ Wood Pellets ในปีนี้จะมีผลให้รายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นอกจากนี้ บริษัทได้ขายหุ้นบริษัท รุ่งทิวา ไบโอแมส จำกัด (RTB) ทั้งหมดจำนวน 725,001 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือ คิดเป็น 25% ของทุนชำระแล้ว ให้แก่บริษัท เอ็มพี เอ็นเนอร์ยี จำกัด คิดเป็นมูลค่า 92.50 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้และบันทึกกำไรในไตรมาส 2/65
ทั้งนี้ RTB เป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
“เป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาส 1/65 ที่มีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งเป็นผลเติบโตจากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก แม้ในปีนี้จะยังไม่มีโรงไฟฟ้าที่ COD เพิ่มเข้ามา แต่รายได้จากการขายไฟฟ้ายังมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง อีกทั้งล่าสุดเราได้ขยายเข้าไปลงทุนในธุรกิจ Wood Pellets ร่วมกับพันธมิตรในเวียดนาม นับเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพ ซึ่งนอกจากรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงของวัตถุดิบหลักที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของกลุ่ม CV ในอนาคตอีกด้วย”นายเศรษฐศิริ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 620.07 ล้านบาท เติบโต 69.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 366.10 ล้านบาท โดยเป็นผลเติบโตจากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
1.) กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า CV ได้มุ่งเน้นพัฒนาและกระจายการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีจากพลังงานหมุนเวียนหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ชีวมวล ขยะ ก๊าซชีวภาพ พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 33.56 เมกะวัตต์ โดยในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายไฟฟ้าทั้งสิ้น 150.50 ล้านบาท เติบโตกว่า 7.56%
2.) ธุรกิจด้านวิศวกรรม (Engineering) บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตการให้บริการสู่ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป (General Construction) เช่น การก่อสร้างอาคาร โรงพยาบาล เป็นต้น และธุรกิจ MODULAR Construction ส่งผลทำให้สามารถรับงานได้หลากหลายมากขึ้น โดยในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีรายได้กลุ่มธุรกิจด้านวิศวกรรม 370.13 ล้านบาท เติบโตกว่า 73.06% ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 1,828 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 60-70%
และ 3.) ธุรกิจเชื้อเพลิง (Fuel Support) ซึ่งบริษัทขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) ส่งผลให้ในไตรมาส 1/65 บริษัทฯ มีรายได้กลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิง 90.31 ล้านบาท เติบโตกว่า 100% เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1/65
ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ทำได้ 14.97 ล้านบาท ลดลง 43.34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 26.42 ล้านบาท โดยเป็นผลกระทบจากต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่ดียิ่งขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 65)
Tags: CV, หุ้นไทย, เศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล, โคลเวอร์ เพาเวอร์