CryptoShot: เตรียมพบกับ Bitcoin ETF ในตลาดหลักทรัพย์ หลัง ก.ล.ต. ชี้ เราต้องปรับตัว

นับเป็นข่าวใหญ่ของประเทศไทย ที่เลขาธิการ ก.ล.ต.ให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบใหม่ BTC ETF สำหรับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมแสดงท่าทีการปรับตัวและเปิดรับคริปโทเคอร์เรนซีอย่างชัดเจน

เตรียมพบกับ Bitcoin ETF ในตลาดหลักทรัพย์ หลัง ก.ล.ต. ชี้ เราต้องปรับตัว ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม !!!

ในที่สุดก็ถึงเวลาของประเทศไทย เมื่อล่าสุด รศ.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวต่างประเทศว่าสำนักงาน ก.ล.ต.กำลังพิจารณาเกี่ยวกับการลงทุน Bitcoin ETF ทั้งในรูปแบบบุคคลและสถาบัน พร้อมยังกล่าวอีกว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปรับตัวในเรื่องของคริปโทเคอร์เรนซี เราต้องมีการพัฒนาให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุน ภายใต้การป้องกันที่เหมาะสม

ในขณะที่ก่อนหน้านี้ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้มีการพูดถึงคริปโทเคอร์เรนซี เกี่ยวกับ stablecoin ที่หนุนด้วยพันธบัตร หรือ Government Bond เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเริ่มต้นใช้งาน และอาจจะเริ่มต้นการรับบิทคอยน์ในลักษณะของ Sandbox ภูเก็ตก่อน และในรายงานข่าวทาง ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการพิจารณาให้บริษัทจำกัดที่มีการรับรองและเครดิตที่ดี สามารถออก Stablecoin ที่หนุนโดยพันธบัตรของเขาได้ด้วย ซึ่งวิธีนี้ก็จะสามารถควบคุมต้นทุนการออกได้ดีกว่าด้วย

แล้ว stablecoin ที่หนุนโดยพันธบัตร หรือ Bond มันคืออะไร ??

แท้จริงแล้วมันก็คือ Stablecoin ทั่วไปเลย ทุกโทเคนที่มีการ mint ออกมา จะมีสินทรัพย์รองรับมูลค่าอยู่เสมอ อย่างเหรียญ USDT ก็มีดอลลาร์ หรือทองคำที่มีมูลค่าเทียบเท่ามาหนุนมูลค่า

แต่ถ้าเป็น Token Digital ที่หนุนด้วยพันธบัตรล่ะ ?? มันก็คือพันธบัตรรัฐบาลที่อยู่ในรูปแบบของ Digital สามารถซื้อขายได้ง่าย ซื้อทีละเท่าไหร่ก็ได้ ในส่วนของผลตอบแทนก็จะขึ้นอยู่กับพันธบัตรเหล่านั้นที่ตราขึ้นมาว่าจะให้ผลตอบแทนเท่าไหร่

ต้องเสริมนิดหนึ่ง ก่อนหน้านี้ เราสามารถซื้อพันธบัตรรัฐบาลผ่าน App เป๋าตัง เราซื้อตามเกณฑ์ขั้นต่ำ ซื้อทีละน้อย ๆ 100 บาทได้อยู่แล้ว แล้วมันต่างกับ Token Digital ที่หนุนด้วยพันธบัตรยังไง ?

ต้องบอกว่ามันก็มีความคล้ายคลึงกัน อยู่ในรูปแบบดิจิทัลเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ต้นทุนทางด้านไอที ซึ่งกลุ่ม Token Digital จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า

นายนเรศ เหล่าพรรณราย นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย มองว่า “การที่ ก.ล.ต. เปิดรับเรื่องของโปรดักท์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ก็เป็นไปตามแนวทางของหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกที่พยายามจะเปิดรับเทคโนโลยีดังกล่าวมากขึ้น โดยมองว่าการที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะยิ่งทำให้ทั่วโลกเร่งที่จะปรับตัวตามภายใต้บริบทที่ต่างกัน อย่างประเทศไทยขอมุ่งเน้นการสนับสนุนโทเคนดิจิทัลเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ส่วนด้านการลงทุนยังอยู่ในมุมของการกำกับดูแล แต่อนาคตก็มองว่าจะเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

ทางด้าน นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ ผู้ก่อตั้ง ไทย บิทแคสต์ มีความคิดเห็นในอีกมิติหนึ่ง ว่า “ถ้ามองในแง่ของนักลงทุนก็จะยิ่งเข้าถึงสินทรัพย์อย่าง BTC ได้ง่ายขึ้นไปอีก แต่ในแง่ของ Retail Investor เขาสามารถซื้อบิทคอยน์ผ่าน Exchange ได้อยู่แล้ว จึงคิดว่าจะเป็นฝั่งสถาบันมากกว่าที่เข้ามาซื้อ BTC ผ่าน ETF ได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันตอนนี้เราจะมีแค่กองที่มีลักษณะของ Fund of Fund ถ้าหากว่ามีกองที่สามารถซื้อได้เลยในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ ก็จะเป็นช่องทางให้เม็ดเงินสถาบันไหลเข้าสู่ตลาดได้มากยิ่งขึ้น”

สำหรับนายมานะ คานิโยว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพัฒนาธุรกิจและพาณิชย์ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด มีมุมมองว่า “การที่ประเทศไทยมีการพิจารณาที่จะอนุมัติ Bitcoin ETF โดยที่ไม่ต้องทำเป็น Fund of Fund (ผ่านเจ้าอื่นที่ สหรัฐอเมริกา) จะทำให้คนในวงกว้างที่อยู่ในแวดวงการลงทุนของกองทุนอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นลูกค้าจำนวนมาก สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ผู้จัดการบริหารกองทุนทั้งหลายจะหันมากระจายการลงทุนและลงทุนในกอง Bitcoin ETF ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนทั้งหลายเป็นรายย่อยหรือรายใหญ่ ก็จะได้ Exposure ในบิทคอยน์เป็นทางอ้อม ซึ่งถ้ามาถึงจุดนี้แล้วก็ถือว่าสินทรัพย์ประเภทนี้จะเป็นสินทรัพย์ Mainstream อีกสินทรัพย์หนึ่งของประเทศไทยก็ว่าได้

จับตาทิศทางตลาดเดือนแรกของปี ก่อน Trump เดินเข้าทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการ !!

ในปี 2024 ที่ผ่านมา สินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ Bitcoin ถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ปรับตัวขึ้นจาก 40,000 ดอลลาร์ จนถึง 107,000 ดอลลาร์ คิดเป็น 160% ซึ่งการปรับตัวขึ้นครั้งนี้เกิดจากปัจจัยสนับสนุนจำนวนมาก ทั้งปัจจัยจากภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomics) เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปีของสหรัฐฯ, การชนะเลือกตั้งของ Donald Trump รวมถึงปัจจัยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับภาพรวมคริปโทฯ เช่น การอนุมัติ Bitcoin spot ETFs, Bitcoin Halving, การอนุมัติ Ethereum spot ETFs

ทาง Merkle Capital ผู้จัดการกลยุทธ์การลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ได้วิเคราะห์ภาพรวมตลาดคริปโทฯ เดือน ม.ค. โดยมองว่าตลาดคริปโทฯ มีโอกาสเติบโตได้สูงด้วยเหตุผล จากปัจจัย ดังนี้

การที่ Donald Trump ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้ ทำให้สามารถดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่เคยหาเสียงไว้ได้ ซึ่งนโยบายส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างโปรคริปโทฯ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจาก การคงอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ เนื่องจาก วันที่ 29 มกราคมนี้ จะมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนักลงทุนส่วนมากเชื่อมั่นว่าการประกาศอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25% – 4.50% ส่งผลกดดันภาพรวมสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งคริปโทฯ และหุ้นสหรัฐฯ

อีกทั้ง Fear and Greed Index ก็ปรับตัวสู่สภาวะ Neutral, Fear and Greed Index เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบสภาวะความโลภและความกังวลของนักลงทุน แสดงให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากสภาวะที่นักลงทุนโลภและโลภมาก (Index : 70 – 95) กลับเข้าสู่สภาวะปกติ (Index : 50) ในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ดังนั้น การปรับตัวลงของราคาในครั้งนี้เป็นโอกาสในการเติบโตของภาพรวมคริปโทฯ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จากปัจจัยพื้นฐานที่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ทางด้านนายมานะ คานิโยว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพัฒนาธุรกิจและพาณิชย์ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ราคา Bitcoin มีการปรับตัวลดลงช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของตลาดคริปโทฯ ของโลก ที่ได้รับแรงหนุนอย่างมากจากการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ Donald Trump ที่มีนโยบายเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมคริปโทฯ หากนโยบายเหล่านี้ได้รับการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ย่อมส่งผลให้ตลาดคริปโทฯ มีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต อย่างไรก็ดีนักลงทุนควรจะคิดเสมอเรื่องแผนการของตนเอง เรื่องการลงทุนและความเสี่ยงที่รับได้”

นี่ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ใครที่ถือคริปโทฯ ต้องบริหารความเสี่ยงกันดี ๆ

หรือ CZ จะมาจากอนาคต หลังเกิดเหตุการณ์ตรงกับโพสต์ทำนายราคา BTC เมื่อ 5 ปีที่แล้ว !!!

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ราคาบิทคอยน์ร่วงลงแตะประมาณ 89,000 ดอลลาร์ แต่ก็เด้งขึ้นอย่างรวดเร็วกลับมายืนเหนือ 90,000 ซึ่งราคาเช้านี้ขณะที่เราอัดรายการกันอยู่ ราคาก็อยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ใครที่ช้อนได้ตอน 89,000 นี่กำไรไปเรียบร้อย

และย้อนไปดูโพสต์ของคุณ CZ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว CZ เคยทำนายราคาบิทคอยน์ไว้เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2020 เขาได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์ม X โดยระบุว่า “รอหัวข้อข่าวใหม่ได้เลย: #Bitcoin “ร่วงแรง” จาก $101,000 เหลือ $85,000 บันทึกทวีตนี้ไว้”

และถึงแม้ว่าเวลานั้น ราคาบิทคอยน์จะไม่ได้ตรงกับที่ CZ ทำนายไว้ แต่ว่าในปี 2024-2025 นี้ราคาก็พุ่งทะลุเป้าที่ 101,000 ดอลลาร์ แล้วราคาต่ำสุดของเดือน ม.ค. ก็อยู่ที่ 89,200 ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับที่ CZ เคยทำนายไว้จริง ๆ แล้วราคาบิทคอยน์จะพุ่งขึ้นอีกรึเปล่า ?? งานนี้ต้องดูกันยาว ๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ม.ค. 68)

Tags: , , , , ,