สรุปข่าวเด่นวงการ Cryptocurrency ทั่วโลกรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (26-30 ก.ค.64)
เริ่มต้นด้วยข่าวที่กำลังเป็นกระแส Talk of the town ในวงการ Cryptocurrency ระดับโลกหลังจากมีหลายสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาด Cryptocurrency กำลังจะถูกควบคุมเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าบางกลุ่มอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี เพราะธุรกรรมบนบล็อกเชนเป็นการกระจายศูนย์ (Decentralized) ไม่มีความจำเป็นต้องควบคุม แต่ทางกลับกันก็มีบางกลุ่มมองว่าการควบคุมเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยกลั่นกรองผู้หลอกลวง (Scammer) ให้น้อยลงและยังเป็นการเปิดโอกาสให้เม็ดเงินจากสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่เข้ามาในโลกคริปโทฯได้มากขึ้นในอนาคต
สำหรับสัญญาณเริ่มบ่งชี้ว่าตลาด Cryptocurrency กำลังจะถูกควบคุมเพิ่มขึ้น เช่น กรณีของ FTX และ Binance ศูนย์ซื้อ-ขายและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านธุรกรรมทางการเงินบนบล็อกเชนปรับลดระดับ Leverage จากมากสุดที่ 100x มาเหลือเพียง 20xเท่านั้น
- Binance ประกาศจำกัดการถอนเงินออกจากแพลตฟอร์ม สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำการยืนยันตัวตน จากเดิมที่ 2 BTC เหลือเพียง 0.06 BTC
- Uniswap ศูนย์ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange)
- BlockFi ผู้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินบนโลกบล็อกเชน ถูกแบนจากรัฐใหญ่อย่าง Texas, New Jersy และ Alabama
*Exchange ไทยยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “MMS Coin”
จากเหตุการณ์กรณีของเหรียญ MMS Coin หรือ MMS Genius Platform ที่มีสมาชิกกว่า 100,000 คน ได้มีการนำชื่อและโลโก้ของ Exchange ไทยไม่ว่าจะเป็น Bitkub, Satang Pro หรือ Zipmex ไปใช้ในสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์กลายเป็นความเข้าใจผิดในกลุ่มนักลงทุน ล่าสุด Exchange ของไทยได้ออกมาประกาศแล้วว่า “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” กับเหรียญดังกล่าว และขอให้นักลงทุนทุกท่านโปรดติดตามข่าวสารอย่างระมัดระวัง สำหรับใครที่มีข้อสงสัย โปรดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากช่องทาง Official ของแต่ละExchange
ขณะที่ “JFIN” ของกลุ่มบริษัท เจมาร์ท ออกมาเตือนภัยจากมิจฉาชีพระวังการแอบอ้างให้โอนเงินเพื่อรับสิทธิกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ ด้วยการใช้ “JFIN Token” อีกด้วย และผู้ที่มีความสนใจต้องการร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายกับ “J Mart” หรือบริษัทในเครือควรซื้อโทเคนผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเท่านั้น
*แบงก์ชาติเปิดทางนำบล็อกเชนใช้ในกลุ่มธุรกิจการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกแนวปฏิบัติการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการให้บริการทางการเงินเพื่อให้ผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.ใช้เป็นแนวทางในการนำเทคโนโลยี Blockchain ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับลูกค้าผู้ใช้บริการและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้มีความปลอดภัยและความเชื่อมั่นแก่ประชาชนผู้ใช้บริการทางการเงินในโลกการเงินยุคดิจิทัลในอนาคต ทั้งนี้ ให้ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้กำกับดูแลของ ธปท.นำแนวปฏิบัติฉบับนี้ไปปรับใช้โดยมีผลย้อนหลังเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.64 เป็นต้นไป
ด้านแนวปฏิบัติฉบับนี้เป็นกรอบหลักการในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาพัฒนานวัตกรรมทางการเงินควบคู่ไปกับการดูแลความเสี่ยงอย่างรัดกุม โดยผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. สามารถนำมาปรับใช้กับบริการทางการเงินที่มีการประยุกต์ใช้ Blockchain โดยเฉพาะในรูปแบบ Private Blockchain Network โดยเนื้อหาของแนวปฏิบัติ Blockchain ประกอบด้วยสาระสำคัญ 4 ส่วน ได้แก่
- การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในทางธุรกิจ
- การกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยี Blockchain
- การบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน IT
- การบริหารความเสี่ยงทางกฎหมาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 64)
Tags: Binance, Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, สกุลเงินดิจิทัล