CRC วาง 5 กลยุทธ์หลักดันยอดขาย “ไทวัสดุ” โตเฉลี่ยต่อเนื่องปีละ 18% ช่วง 5 ปี

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เปิดเผยว่า ในปี 65 ทาง CRC ได้มีความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตของธุรกิจไทวัสดุ จากการตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำค้าปลีก Omni-Channel ในการดำเนินธุรกิจรุกตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านอย่างครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย

พร้อมสานต่อยุทธศาสตร์ CRC Retailligence สร้างอัตราการเติบโตของธุรกิจ (CAGR) ในระยะ 10 ปี (ปี 60-69) โดยใน 5 ปี (ปี 65-69) แรก ยอดขายรวมของกลุ่ม CRC จะเติบโตอยู่ที่เฉลี่ย 12% ต่อปี ซึ่งสำหรับไทวัสดุตั้งเป้าเติบโตของยอดขายอยู่ที่ 18% ต่อปี และตั้งเป้าการเติบโตของกำไรเพิ่มขึ้น 30% ในช่วง 5 ปี ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจใน 5 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1. Thriving เสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำค้าปลีกออมนิชาแนลตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร ด้วยงบลงทุนกว่า 7 พันล้านบาท ผ่านกุญแจสำคัญ (Multi-Key Drivers) เพื่อการขยายสาขาใหม่ ปรับปรุงสาขาเดิม การรีแบรนด์ และพัฒนารูปแบบบริการ ในทุกแบรนด์ (Multi-Brands) ครอบคลุม ไทวัสดุ บีเอ็นบีโฮม ออโต้วัน โก! ว้าว และหลากหลายในทุกฟอร์แมท (Multi-Formats) ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายใหม่ (Multi-Channels : Chat & Shop, Call & Shop, e-ordering, Direct Sales) ขยายประเภทและชนิดของสินค้าให้หลากหลาย (Multi-Ranges) ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค (Multi-Segments)

2. Seamless Omnichannel Shopping Experience ด้วยความสำเร็จในปี 64 ช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นกว่า 400% ด้วยรายการสินค้ากว่า 70,000 รายการ มียอดการเยี่ยมชมกว่า 17 ล้านครั้งต่อเดือน มีลูกค้าจำนวน 2 ล้านรายต่อเดือน สร้างยอดขายกว่า 60,000 ออเดอร์

ต่อเดือน โดยในปี 65 บริษัทพร้อมส่งต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งผ่านช่องทาง Omni-Channel อย่างไร้รอยต่อ ตั้งเป้าการเติบโตช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 150% ยกระดับแพลตฟอร์มออมนิชาแนล เปิดตัวโมบายแอปพลิเคชัน “ไทวัสดุ” ในเดือนพ.ค.นี้ และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปบีเอ็นบี โฮม และออโต้วัน ที่จะพร้อมเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ของเว็บไซต์ อัปเกรดระบบโครงสร้าง IT ระบบ Order & Transportation Management System ด้วยมาตรฐานบริการระดับเวิลด์คลาส

3. Supply Chain & Logistics Expansion ปรับปรุงและขยายคลังสินค้าแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 160,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นกว่า 120% เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ในอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบโลจิสติกส์ ลงทุนขยาย fleet รถบรรทุกกว่า 25 % และเริ่มทดลองวิ่งรถบรรทุก EV Charge พลังสะอาด ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 30 คัน ในปี 66 โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 200 ต้น/ปี

4. Driving Sustainability การขับเคลื่อนธุรกิจที่ยั่งยืนที่เคียงข้างในทุกมิติ ทั้งพนักงาน คู่ค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม อันเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Values) ตามนโยบายของเซ็นทรัลทำ โดยมุ่งเน้นใน 3 มิติหลัก ได้แก่

– People Centric ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพคน ตลอดระยะเวลา 12 ปีในการดำเนินธุรกิจ สร้างรายได้และสร้างอาชีพให้กับผู้พิการ ผู้สูงอายุ เพิ่มโอกาสสร้างงานและขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 มีการจ้างงานกว่า 1,000 อัตรา นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างบัณฑิตคุณภาพ โดยการมอบทุน และฝึกภาคปฏิบัติเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ณ ปัจจุบันได้มอบทุนการศึกษาไปแล้วกว่า 62 ล้านบาท

– Sharing Society ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมผ่านโครงการสำคัญต่างๆ อาทิ โครงการ “รวมหัวใจให้บ้านเกิด” ที่เปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ต่อชุมชนของตนเอง โดยการเข้าไปช่วยเหลือปรับปรุงสถานที่ และ มอบอุปกรณ์ให้แก่ โรงพยาบาล โรงเรียน สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ รวมไปถึงการสนับสนุนและช่วยเหลือสังคมในยามวิกฤติ เช่น การบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ และยังเป็นผู้สนับสนุนโครงการที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน หน่วยงานทางการแพทย์ที่ได้ผลกระทบจากโควิด -19 อาทิ การบริจาคทุนและอุปกรณ์เพื่อสร้างศูนย์พักคอย สร้างโรงพยายาลสนาม การผลิตยาฟ้าทะลายโจร การบริจาคเจลแอลกอฮอล์ เป็นต้น

– Environmental Oriented สร้างการเติบโตของธุรกิจที่เคียงข้างกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกับองค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทยเป็นเวลากว่า 4 ปี มอบฝายจำนวน 1,130 แห่ง ในพื้นที่ จ. เชียงใหม่ ช่วยบรรเทาวิกฤติของป่าต้นน้ำคืนความสมดุลให้แก่ธรรมชาติ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้ขานรับนโยบาย BCG อันเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของประเทศ เริ่มติดตั้ง Solar Roof ตั้งเป้าทุกสาขาในปี 2566 ช่วยลดภาวะโลกร้อน และ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ถึง 2.5 ล้านต้น

5. New Market Penetration การลงทุนขยายธุรกิจใหม่ในกลุ่มฟาสต์ฟิตของแบรนด์ออโต้วันเป็นผู้นำบริการตรวจสภาพรถฟรี 38 รายการ เช่น ฟรีเติมลมไนโตรเจน ฟรีปะยาง เร่งเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 65 จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 30 สาขา พร้อมเปิดตัว Super App AUTO1 และ Line Connect (Live Chat) ให้บริการสั่งซื้อ จองคิวรับบริการ การแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดระยะ รวมถึงแจ้งเหตุฉุกเฉิน

นอกจากนี้ สำหรับ โก! ว้าว ซึ่งเป็นธุรกิจน้องใหม่ ภายใต้แนวคิด ของใช้ราคาเริ่มต้น 5 บาท ตอบรับกระแสสินค้า Home Convenience ครอบคลุมสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใช้ในชีวิตประจำวันกว่า 20,000 รายการ เร่งขยายสาขาโดยสิ้นปี 65 จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 70 สาขา

ตลอดระยะเวลา 12 ปี ในการดำเนินธุรกิจ CRC ไทวัสดุ ได้ขยายธุรกิจสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้าน รวมถึงสินค้าที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้คน ครอบคลุมทุกเรื่องเกี่ยวกับบ้านและรถ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง แม้ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งนับเป็นความท้าทายของธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก แต่ด้วยการปรับตัวโดยไม่หยุดยั้ง ธุรกิจของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงระบาดหนักของโควิด-19 โดยในปี 64 บริษัทสร้างยอดขายเติบโตขึ้น 20% จากปี 63 พร้อมกับการขยายสาขาไทวัสดุ 5 สาขา และการเปิดธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์ โก! ว้าว รองรับเทรนด์ Home Convenience ของผู้บริโภคในอนาคต ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 65)

Tags: , , , ,