CONSENSUS: โบรกฯอัพเป้า MINT กำไร Q2/66 โรงแรมยุโรปเข้าไฮซีซั่นหนุนโตโดดเด่น

โบรกเกอร์ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” หุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) คาดผลประกอบการในไตรมาส 2/66 โตเท่าตัว จากธุรกิจโรงแรมในยุโรปเข้าช่วงไฮซีซั่น ร้านอาหารในจีนฟื้นตัว ขณะที่โรงแรมในไทยรับอานิสงส์วันหยุดสงกรานต์

หนุนให้อัตราเข้าพักสูงกว่าช่วงโควิด-19 และราคาห้องพักปรับตัวขึ้น โดยคาดกำไรปกติไตรมาส 2/66 เบื้องต้นไว้ที่ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากกำไรปกติ 1.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/65 และยังคงประมาณการกำไรปกติปี 66 ไว้ที่ 6.2 พันล้านบาท

นายสมะนันท์ ผลสมบูรณ์โชค นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน บล.กรุงศรี กล่าวว่า ไตรมาส 2/66 MINT คาดว่าผลประกอบการโตเท่าตัว หลักๆ มาจากธุรกิจโรงแรมในยุโรปเข้า High season ทำให้กำไรค่อนข้าง Outperform และยังได้แรงหนุนจากประเทศจีนที่คลายล็อกโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารฟื้นตัวดี

ทั้งนี้ ความกังวลเรื่องค่าไฟที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมในยุโรป เทียบกับปีที่แล้วสถานการณ์ค่อนข้างดีขึ้น แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือการพยายามปรับตัวรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) และการเติบโตของราคาห้องพัก (ADR) ที่คาดว่าจะเติบโตสูงในไตรมาส 2/66 และจะช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนดำเนินการด้วย

นอกจากนี้ ธุรกิจร้านอาหารในประไทยส่วนของรายได้เติบโตขึ้นแต่มีประเด็นเรื่องภาวะเงินเฟ้อ ทำให้กำไรที่ออกมาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย และอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากพนักงานพาร์ทไทม์ส่วนใหญ่จะรับเป็นค่าแรงขั้นต่ำ อย่างไรก็ตามไม่ได้กระทบกับภาพรวมของบริษัทมากเพราะรายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจโรงแรมในยุโรป

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย ที่ 42.00 บาทและเลือก MINT เป็น Top pick ตอบรับแนวโน้มกำไรปกติ ไตรมาส2/66 ฟื้นตัวดีเด่นสุดในกลุ่ม

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่าเดือนเม.ย.-พ.ค.66 อัตราการเข้าพักของ NHH อยู่ที่ ราว 72% (เทียบกับ 69% ในไตรมาส 2/65 และ 60% ในไตรมาส 1/66 ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 เล็กน้อย) ได้แรงหนุนจากความต้องการเดินทางเพื่อพักผ่อนในช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยวในยุโรป และความต้องการเดินทางเพื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น ถึงแม้มีความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจในยุโรป ชะลอตัวแต่ขณะนี้ยอดจองล่วงหน้าที่ NHH ในไตรมาส 3/66 ยังอยู่ในระดับที่ดี

นอกจากนี้ โรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของในประเทศไทย เดือน เม.ย.-พ.ค. RevPar อยู่ราว 6,345 บาท/ห้องสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ราว 6% สำหรับธุรกิจร้านอาหาร การดำเนินงานในประเทศไทยแข็งแกร่ง โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ โดยยอดขายจากสาขาเดิมในเดือน เม.ย.-พ.ค.เติบโตราว 10%

ประเมินกำไรปกติไตรมาส 2/66 เบื้องต้นได้ที่ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากกำไรปกติ 1.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/65 และยังคงประมาณการกำไรปกติปี 66 ไว้ที่ 6.2 พันล้านบาท ซึ่งบ่งชี้ว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง รวมทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร

คงแนะนำ “Outperform” สำหรับ MINT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 ที่ 42 บาท/หุ้น

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 ของ MINT มีโอกาสสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 หนุนโดยราคาห้องพักที่สูงขึ้นของกลุ่ม NH Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมของบริษัทในสหภาพยุโรป ซึ่งมีรายได้ต่อห้องเฉลี่ยที่โดดเด่นซึ่งสูงกว่าตัวเลขในไตรมาส 2/62 ที่ 30% และ 45% ตามลำดับ โดยคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 2,896 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอย่างมากจากคาดการณ์เดิมในไตรมาส 2/66 ที่ 2,100 ล้านบาท

ในขณะที่รายได้ต่อห้องเฉลี่ยของโรงแรมในประเทศไทยมีแนวโน้มที่สูงขึ้น 3% จากระดับก่อนโควิด หนุนรายได้เฉลี่ยต่อวันสูงขึ้น แต่อัตราการเข้าพักยังคงลดลง ในทางตรงข้าม รายได้ต่อห้องเฉลี่ยของโรงแรมในมัลดีฟส์ในไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มต่ำกว่าระดับตัวเลขในไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 15% ในขณะที่อัตราเข้าพักและราคาห้องพักลดลง

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและอัตราเงินเฟ้อ แต่ผลดำเนินงานของโรงแรมในครึ่งแรกของปี 66 สะท้อนถึงอุปสงค์การท่องเที่ยวทั่วโลกแข็งแกร่ง และความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่สูงขึ้น ผ่านการปรับขึ้นราคาห้องพัก แม้ว่าอัตราเข้าพักจะต่ำกว่าระดับก่อนโควิด แต่ปัจจุบันราคาห้องพักสูงกว่าระดับโควิด เช่นเดียวกับรายได้ต่อห้องเฉลี่ยโดยรวมโรงแรมระดับไฮเอนท์และระดับกลาง-บน

นอกจากนี้การดำเนินงานธุรกิจร้านอาหารจานด่วนของ MINT ไตรมาส2/66 คาดรายได้เติบโต 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หนุนโดยธุรกิจร้านอาหารในจีน ซึ่งเติบโต 100% YoY ในขณะที่ธุรกิจอาหารในไทยจะรายงานรายได้โต 15% YoY คาดว่าธุรกิจอาหารจะแข็งแกร่งตามปัจจัยฤดูกาลในไตรมาส 4/66 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลและมีการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

คงแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 39 บาท เป็น 42 บาท จากที่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ MINT ขึ้น 13% ในปี 66 และ 8% ในปี 67 เป็น 6,862 ล้านลาท และ 7,604 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจาก NH Hotel จะแข็งแกร่งกว่าคาด (รายได้ที่สูงขึ้นและต้นทุนที่ลดลง) การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ หนุนโดยการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาทต่อหุ้น)
บัวหลวง ซื้อ 42.00
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 43.00
อินโนเวสท์ เอกซ์ Outperform 42.00
กรุงศรี ซื้อ 42.00

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 66)

Tags: , , ,