หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลต่างทยอยอ่อนตัวลง โดยเมื่อเวลา 15.19 น.นำโดย
- หุ้น CHG ลบ 3.09% มาอยู่ที่ 3.76 บาท ลดลง 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 367.52 ล้านบาท
- หุ้น BCH ลบ 2.84% มาอยู่ที่ 20.50 บาท ลดลง 0.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 735.83 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางปรับตัวลงกันเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) และหุ้นบมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) เนื่องจากเผชิญกับแรงขายทำกำไรหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มีทิศทางที่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มองกันว่าทิศทางกำไรในระยะถัดไปจะค่อย ๆ ย่อตัวลง หลังจากที่ไตรมาส 3/64 กำไรคาดว่าจะเติบโตโดดเด่น รับผลบวกจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระยะ 3-4 ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3/64 จนต้องมีการล็อกดาวน์
ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนก็มีโอกาสที่จะขายทำกำไรด้วย แล้วย้ายเข้าหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อย่างหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเประเทศ ทำให้ผู้ป่วยต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ BDMS สามารถเดินทางเข้ามารับการักษาได้ อีกทั้งคาดว่าผลประกอบการของ BDMS ในไตรมาส 3/64 ก็ไม่ได้แย่ ยังคงมีการเติบโตทั้ง qoq และ yoy
หากมองราคาหุ้น CHG และ BCH ที่เป็นหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลาง ที่มีรายได้จากโรคโควิด-19 ระดับราคาหุ้นทั้งสองตัวได้ปรับตัวลงมามากพอควรแล้ว ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 64)
Tags: วิจิตร อารยะพิศิษฐ์, หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล, หุ้นไทย