CENTEL ร่วง 11.34% โบรกฯมองผลงาน Q2/66 ต่ำกว่าคาด-Q3 เข้าโลว์ซีซั่น

CENTEL ราคาหุ้นปรับตัวลง 11.34% มาอยู่ที่ 43.00 บาท ลดลง 5.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 293.81 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.33 น. โดยเปิดตลาดที่ 45.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 45.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 42.50 บาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรสุทธิของบมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ในไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 121 ล้านบาท (+447% YoY, -81% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 20% และต่ำกว่า consensus ถึง 64% ผลประกอบการที่อ่อนแอเป็นเพราะต้นทุนการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นถึง 55% YoY และ 47% QoQ เป็น 273 ล้านบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติม (55 ล้านบาท) ในส่วนที่เกี่ยวกับสัญญาเช่า Centara Grand Osaka และ Centara Grand Beach Resort and Villas หัวหิน ทั้งนี้ กำไรในงวด 1H66 คิดเป็น 38% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 1.99 พันล้านบาท (+400% YoY)

Impact

ธุรกิจโรงแรม: RevPar (บาท) เพิ่มขึ้น 44% YoY แต่ลดลง 31% QoQ

RevPar เพิ่มขึ้น 44% YoY เป็น 2,792 บาท เนื่องจาก occupancy rate เพิ่มขึ้น 19.0ppts เป็น 65% เพราะโรงแรมในประเทศไทยได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม RevPar ลดลง 31% QoQ เพราะเป็นช่วง low season ของโรงแรมในประเทศไทย และมัลดีฟส์ นอกจากนี้ โรงแรมในมัลดีฟส์ยังได้รับผลกระทบจากการที่โรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ กลับมาเปิดบริการ ซึ่งทำให้ occupancy rate และ ARR ลดลงทั้ง YoY และ QoQ ทั้งนี้ ARR โดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY แต่ลดลง QoQ อยู่ที่ 4,314 บาท ในขณะที่กำไรสุทธิจากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 14 ล้านบาท (จากที่ขาดทุน 116 ล้านบาทในไตรมาส 2/65)

ธุรกิจร้านอาหาร: Same-store-sales เพิ่มขึ้น 5% YoY

SSSG ของธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่ 5% YoY เพราะ 4 แบรนด์หลักโต 5% (KFC, Mister Donut, Auntie Anne’s และ โอโตยะ) เพราะรายได้จากลูกค้าที่ทานในร้าน และซื้อกลับบ้านเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ CENTEL ยังขยายสาขาร้านเพิ่มขึ้นอีก 78 ร้าน ทำให้ TSSG อยู่ที่ 10% ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่ 135 ล้านบาท (-2% YoY)

GPM ถูกกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น

GPM อยู่ที่ 39.8% (-0.1ppts YoY, -5.1ppts QoQ) โดย GPM ของธุรกิจร้านอาหารลดลง 1.4 ppts YoY เพราะต้นทุนวัตถุดิบ และค่าไฟสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน GPM ของธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น 6.0 ppts YoY เนื่องจาก RevPar สูงขึ้น

ขณะที่มองแนวโน้มกำไรของ CENTEL ในไตรมาส 3/66 แบบระมัดระวังเพราะเป็นช่วง low season ของโรงแรมในประเทศไทย และโรงแรมในมัลดีฟส์มีแนวโน้มอ่อนแอ นอกจากนี้ เรายังมองว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และการบริโภคในประเทศที่แผ่วลงยังเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานใน 2H66F อีกด้วย

เรายังคงคำแนะนำถือ CENTEL และประเมินราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 50.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 66 ที่ 14.6x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว +1.0S.D.

ด้านบล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CENTEL รายงานกำไรปกติไตรมาส 2/66 ที่ 83 ล้านบาท ลดลง QoQ กดดันจาก Low Season ของโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ เทียบ YoY ผลประกอบการฟื้นตัวเด่นจากฐานต่ำ อย่างไรก็ดี แรงกดดันจาก GPM ที่ต่ำคาดและต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่าคาด ส่งผลให้กำไรปกติออกมาต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดอย่างมีนัยสำคัญ

เราปรับลดประมาณการปี 66-67 เป็นกำไรปกติ 1.3 พันล้านบาท และ 1.9 พันล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับลดรายได้ธุรกิจโรงแรม อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร และปรับเพิ่มต้นทุนทางการเงินขึ้นเพื่อจำกัด Downside

คงคำแนะนำ TRADING อิงราคาเหมาะสมใหม่ 48.00 บาทต่อหุ้น (อิง EV/EBITDA ที่ 13x เทียบเท่า +0.25SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 66)

Tags: , ,