คณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐลงมติเมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.) ที่จะแนะนำให้ชาวอเมริกันเลือกฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาหรือของไฟเซอร์ มากกว่าของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) หลังมีรายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนของ J&J จำนวนหลายสิบรายเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่พบบ่อย
CDC ได้ตรวจสอบและยืนยันแล้วว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนของ J&J จำนวน 54 รายมีอาการของภาวะลิ่มเลือดอุดตันด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome หรือ TTS) โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุ 30-49 ปี และในกลุ่มผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงทั้งหมด มี 36 รายที่ต้องเข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยหนัก และมีผู้เสียชีวิต 9 ราย
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า สหรัฐได้ฉีดวัคซีนของ J&J ไปแล้วกว่า 17 ล้านโดสนับตั้งแต่ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติให้ใช้วัคซีนดังกล่าวได้เป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดย CDC ระบุว่า พบกรณีการเกิด TTS จำนวน 3.8 รายต่อการฉีดวัคซีน 1 ล้านโดส
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างภูมิคุ้มกันของ CDC ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้แนะนำประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาและของไฟเซอร์ มากกว่าของ J&J และในเวลาต่อมา ดร.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC ก็ได้ให้การรับรองคำแนะนำดังกล่าวเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ธ.ค. 64)
Tags: CDC, COVID-19, Johnson & Johnson, Moderna, Pfizer, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด, ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน, วัคซีนต้านโควิด-19, โมเดอร์นา, ไฟเซอร์