คณะกรรมการที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ยืนยันว่า ประโยชน์ของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนั้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยขณะนี้ CDC กำลังทบทวนรายงานเกี่ยวกับความผิดปกติทางระบบประสาทที่มีโอกาสเกิดขึ้นยาก
รายงานที่นำเสนอในการประชุมของคณะกรรมการที่ปรึกษาของ CDC เรื่องแนวทางการฉีดวัคซีนระบุว่า พบผู้ป่วยด้วยอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barre syndrome) อยู่ที่ 8.1 รายต่อจำนวนการฉีดวัคซีน 1 ล้านโดส ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในประชากรทั่วไป และสูงเกือบ 8 เท่าของอัตราที่พบในการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา
ข้อมูลจากคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐ (FDA) ระบุว่า กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร เป็นโรคทางระบบประสาทซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าทำลายเซลล์ประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และบางครั้งอาจพบอาการอัมพาต
ข้อมูลดังกล่าวมีขึ้น หลังจาก FDA ประกาศคำเตือนใหม่เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังจากมีรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรในผู้ได้รับวัคซีนบางราย
เบื้องต้นนั้น พบผู้ป่วยด้วยอาการกิลแลง-บาร์เรประมาณ 100 ราย หลังมีการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไปทั้งสิ้น 12.8 ล้านโดสในสหรัฐ
จากรายงานดังกล่าว ผู้ป่วยเหล่านี้มี 95 รายที่อาการสาหัส และต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และเสียชีวิต 1 ราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 64)
Tags: CDC, FDA, Johnson & Johnson, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด, วัคซีนต้านโควิด-19, ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ