บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 งวดปี 2566/2567 (ต.ค.-ธ.ค.66) บริษัทขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 4,762 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการบันทึกรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ได้แก่
(1) การรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนในบมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) KEX
(2) ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย SINGER(1) ของแรบบิท โฮลดิ้งส์
(3) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 53.2% จากปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (ซึ่งรวมถึงผลขาดทุนจากการด้อยค่าดังกล่าวข้างต้น) บริษัทรายงานกำไรสุทธิหลังปรับปรุงแล้ว จำนวน 144 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ(ก่อนรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ หลังหักส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย) อยู่ที่ 2.1%
ส่วนนรายได้รวม จำนวน 6,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% หรือ 251 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักมาจาก (1) รายได้จากการให้บริการรับเหมาที เพิ่มขึ้น 217 ล้านบาท เนื่องจากการเร่งงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้แล้วเสร็จ (2) รายได้จากการบริการและการขายที่เพิ่มขึ้น 197 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบบางส่วนด้วยกำไรจากการขายและเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนที่ลดลงจำนวน 185 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายรวม เพิ่มขึ้น 122.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 10,114 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนในบมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) ของบริษัทฯ และบมจ. วีจีไอ (VGI)
สำหรับงวด 9 เดือนงวดปี 2566/2567 บริษัทฯ บันทึกรายได้รวม จำนวน 19,676 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% หรือ 1,862 ล้านบาท จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจาก
(1) รายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น จำนวน 919 ล้านบาท
(2) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการบริการและการขาย จำนวน 500 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจบริการดิจิทัล ภายใต้ธุรกิจ MIX และการรับรู้รายได้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นครั้งแรก ควบคู่กับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ภายใต้ธุรกิจMOVE
(3) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการรับเหมา จำนวน 453 ล้านบาท จากงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง
บีทีเอส กรุ๊ป บันทึกขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 5,277 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก (1) ผลกระทบจากการรับรู้รายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน KEX ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในแรบบิท โฮลดิ้งส์และ JMART รวมถึงส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX และ (3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดีหากหักรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (ซึ่งรวมถึงผลขาดทุนจากการด้อยค่าดังกล่าวข้างต้น) บริษัทรายงานกำไรสุทธิหลัก จำนวน 196 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ(ก่อนรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ หลังหักส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย) อยู่ที่ 1.1%
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ BTS เปิดเผยว่า กรณีที่บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) หุ้น KEX ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท ในระหว่างวันที่ 13 ก.พ.-22 มี.ค.67 นั้น คณะกรรมการบริษัทจะมีการนัดหารือกันว่าจะตัดสินใจขาย KEX ออกมาหรือไม่ หรือขายออกบางส่วน ก่อนที่จะสิ้นสุดวันรับซื้อตามคำเสนอซื้อ
ปัจจุบัน บมจ. วีจีไอ (VGI) ถือหุ้น KEX จำนวน 269,230,900 หุ้น คิดเป็น 15.45% BTS ถือ KEX จำนวน 88,100,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.06%
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2567 เมื่อ 14 ก.พ. 67 ได้มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในกลุ่มบริษัท โดยบริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด ที่บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 98.23) ถือในบมจ. วีจีไอ (VGI) เป็นจำนวน 3,320,656,950 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 29.66 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของวีจีไอ ในราคาหุ้นละ 1.70 บาท รวมเป็น จำนวนเงิน 5,645,116,815 บาท
ภายหลังการทำธุรกรรมดังกล่าว บริษัทฯ จะถือหุ้นในวีจีไอเพิ่มขึ้นจากเดิมในสัดส่วนประมาณร้อยละ 31.30 เป็ นประมาณร้อยละ 60.97ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของวีจีไอ ส่งผลให้วีจีไอเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทย่อยทางตรงของบริษัทฯ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างดังกล่าว เพื่อสร้างความชัดเจนในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ที่ต้องการให้ BTSC เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจ MOVE ขณะที่ VGI จะเป็นหัวหอกในกลุ่มธุรกิจ MIX
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.พ. 67)
Tags: BTS, KEX, SINGER, ซิงเกอร์ประเทศไทย, บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, หุ้นไทย, เคอรี่ เอ็กซ์เพรส