บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เผยไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 2,114 ล้านบาท ลดลง 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากการขายเงินลงทุน โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ราว 2,302 ล้านบาท
ขณะที่กระแสเงินสดยังคงแข็งแกร่ง ที่สำคัญมาจากโรงไฟฟ้า HPC ที่มีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) สูงถึง 96% รวมถึงจากรายได้การขายไฟฟ้าในตลาดสหรัฐฯ ของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I บริษัทยังคงรักษาเสถียรภาพการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีน ยังสามารถสร้างกำไรแม้เผชิญราคาต้นทุนพลังงานสูง และสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปกติ
สำหรับโรงไฟฟ้า SLG สามารถทำกำไรจากปริมาณและราคาขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าในตลาดค้าส่งไฟฟ้าในจีน และการเข้าทำสัญญาซื้อขายถ่านหินมาในราคาที่ดี ส่งผลให้ BPP มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมขยายการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน เพื่อเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ที่มาพร้อมกับเป้าหมายขยายกำลังผลิตไฟฟ้าให้ถึง 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 68
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BPP เปิดเผยว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง และยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับไตรมาส 1/66 BPP รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐอเมริกา จำนวน 1,218 ล้านบาท ซึ่งมีปริมาณขายไฟฟ้าอยู่ที่ 1,069 กิกะวัตต์ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากความสามารถในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่ดี โดยมีค่าความร้อน (Heat Rate) อยู่ในระดับต่ำ ทำให้อยู่ในลำดับการเรียกไฟที่ดี (Merit Order)
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสในการทำกำไรเพิ่มเติมในตลาดไฟฟ้าเสรี โดยพร้อมส่งเสริมเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ซึ่งมีโอกาสต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เพื่อผนึกพลังร่วมภายในระบบนิเวศทางธุรกิจของ BPP ให้มีความแข็งแกร่ง
BPP เดินหน้าลงทุนตามกลยุทธ์ Greener & Smarter อย่างต่อเนื่อง ในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานผ่านบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด (บ้านปู เน็กซ์) ได้แก่ โครงการแบตเตอรี่ฟาร์มขนาดใหญ่ อิวาเตะ โตโนะ (Iwate Tono) ในประเทศญี่ปุ่น กำลังผลิต 58 เมกะวัตต์ชั่วโมง บนพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร ซึ่งติดตั้งระบบแบตเตอรี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบไฟฟ้า และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกันก่อนที่จะดำเนินการเชื่อมต่อระบบสายส่งไฟฟ้า คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจ Energy Trading ได้ในอนาคต ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในประเทศ สนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
นอกจากนี้ ยังได้ลงทุนในโอยิกะ (Oyika) สตาร์ทอัพสิงคโปร์ ผู้ให้บริการโซลูชันสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยปัจจุบันมีเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่ในประเทศกัมพูชา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รวมถึงเตรียมเปิดให้บริการในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ บ้านปู เน็กซ์ได้ยังได้หาโอกาสในการนำโซลูชันของโอยิกะไปต่อยอดให้บริการกับลูกค้าในธุรกิจอีโมบิลิตี้ของบริษัทฯ อีกด้วย
“BPP มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืน หรือ ESG ในทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรม โดยสร้างการเติบโต และการลงทุนในธุรกิจที่สะอาดขึ้น และฉลาดขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี และนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้กับโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในพอร์ตโฟลิโอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเดินเครื่อง และจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนต่อไปในระยะยาว” นายกิรณกล่าวสรุป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 66)
Tags: BPP, กิรณ ลิมปพยอม, บ้านปู เพาเวอร์, หุ้นไทย