นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ประกาศแผนการเติบโตทางธุรกิจของปีนี้จนถึงทศวรรษ 2030 (ปี 2573) จะมุ่งเน้นการปรับพอร์ตโฟลิโอให้ครอบคลุมมากไปกว่าการขยายกำลังผลิตไฟฟ้า หรือ Beyond Megawatts Portfolio พร้อมก้าวสู่การเป็น “บริษัทผู้ผลิตพลังงานที่ยั่งยืน (Sustainable Energy Generation Company)” ซึ่งจะยกระดับการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่การส่งมอบพลังงานที่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการลงทุนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
“จากความมุ่งมั่นในการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าคุณภาพสู่สังคม (Powering Society with Quality Megawatts) และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจพลังงานไฟฟ้ามากกว่า 20 ปี ใน 8 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก BPP เล็งเห็นความต้องการด้านพลังงานในอนาคตที่มุ่งไปในทิศทางที่ยั่งยืนและทันสมัยมากขึ้น จึงได้กำหนดแผนการเติบโตทางธุรกิจจากปัจจุบันสู่ทศวรรษ 2030 หรือจนถึงปี 2573 ที่จะขยายพอร์ตธุรกิจที่ไม่จำกัดเฉพาะภาคการผลิตไฟฟ้า โดยเปิดประตูสู่น่านน้ำใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตพลังงานอาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน (Energy Infrastructure) โครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture Utilization and Storage: CCUS) และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS)
นอกจากนี้ ยังคงมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินงาน และการขยายโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น ด้วยแนวทางนี้ เรามั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้น และสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสีย สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจพลังงานยุคใหม่ที่ยั่งยืนและสอดรับกับบริบทใหม่ของสังคม” นายอิศรา กล่าว
แผนการเติบโตทางธุรกิจตามแนวทางใหม่จะเน้นการดำเนินงานใน 4 ด้าน ดังนี้
– ขยายการเติบโตด้านพลังงานไฟฟ้าคุณภาพผ่านโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (Growth in Quality Megawatts CCGT)
ขยายการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT (Combined Cycle Gas Turbines) โดยเน้นตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา จากปัจจุบันที่ BPP มีโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอยู่แล้ว2 แห่ง คือโรงไฟฟ้า Temple I และโรงไฟฟ้า Temple II ในรัฐเท็กซัส โดยโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT ถือเป็นสินทรัพย์ที่ส่งมอบพลังงานไฟฟ้าคุณภาพได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากไม่เพียงสามารถสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอให้แก่บริษัทฯ แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยเทคโนโลยี CCGT ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE)
– รักษาสมดุลระหว่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและตลาดไฟฟ้าเสรี (Balanced PPA and Merchant Market)
รักษาสมดุลของพอร์ตธุรกิจที่อยู่ในรูปแบบสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: PPA) และตลาดไฟฟ้าเสรี (Merchant Market) เพื่อนำข้อได้เปรียบของรูปแบบการซื้อขายไฟฟ้าแต่ละประเภทมาก่อให้เกิดโอกาสในการสร้างรายได้สูงสุดจากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคงจากรูปแบบสัญญา PPA และสร้างโอกาสการทำผลกำไรสูงจากรูปแบบตลาดไฟฟ้าเสรี ทั้งนี้ BPP มีประสบการณ์การทำธุรกิจตลาดไฟฟ้าเสรี ERCOT (Electric Reliability Council of Texas) ในรัฐเท็กซัส เป็นอย่างดี และพร้อมแสวงหาโอกาสในตลาดไฟฟ้าเสรีอื่น ๆ อีกทั้งกำลังพัฒนาธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องในตลาดไฟฟ้าเสรี ทั้งธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า (Power Trading) และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า (Power Retail) เป็นการต่อยอดจากธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
– ลงทุนในโครงการ CCUS เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ (Decarbonization through CCUS)
ขยายการลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) โดยในปี 2566 ได้ลงทุนในโครงการ Cotton Cove ซึ่งนับเป็นโครงการ CCUS แห่งแรกของ BPP ที่คาดจะสามารถเริ่มดำเนินการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และคาดอัตรากักเก็บคาร์บอนเฉลี่ย 45,000 เมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีในระยะเริ่มแรก นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการศึกษาอีกหลายโครงการ
– ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Energy Infrastructure and BESS)
มองหาโอกาสลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน อาทิ ระบบสายส่งไฟฟ้า (Electricity Transmission System) โดยมุ่งเน้นโครงการที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันทีและโครงการที่มีศักยภาพในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งในอนาคต และการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างในสินทรัพย์ที่มีอยู่ของ BPP ได้ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยเสริมความมั่นคงในการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่ระบบนิเวศการใช้พลังงานที่ยั่งยืน
แผนการเติบโตนี้สะท้อนความพร้อมในการเปิดประตูสู่การลงทุนในธุรกิจพลังงานที่มากกว่าการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยจะวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับพอร์ตธุรกิจของ BPP ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทผู้ผลิตพลังงานที่ยั่งยืนในอนาคต
นายอิศรา กล่าวเสริม บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เพื่อสร้างคุณค่าแก่สังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม นอกจากนี้ อีกสิ่งสำคัญคือพนักงานของเราหรือ คน BPP ที่จะร่วมขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับทิศทางของพลังงานไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ผ่านการต่อยอดทักษะความรู้ และความชำนาญให้เข้ากับแผนงานในอนาคต พร้อมการพัฒนาศักยภาพต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 67)
Tags: BPP, บ้านปู เพาเวอร์, หุ้นไทย, อิศรา นิโรภาส