ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสงครามการค้าและมาตรการในด้านต่าง ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
ออกัสติน คาร์สเตนส์ ผู้บริหาร BIS กล่าวว่า สถานการณ์การค้าโลกกำลังเป็นประเด็นที่น่ากังวล ขณะที่นโยบายการคลัง นโยบายคนเข้าเมือง และสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์โดยรวมนั้น ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
“ความไม่แน่นอนของนโยบายเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของธนาคารกลางในหลาย ๆ ด้าน” คาร์สเตนส์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางเม็กซิโก กล่าวสุนทรพจน์ ณ กรุงเม็กซิโกซิตี้ พร้อมเสริมว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากภาคธุรกิจชะลอการลงทุน และภาคครัวเรือนชะลอการซื้อสินค้าราคาสูง
ตลาดการเงินมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้น เมื่อพิจารณาจากการแกว่งตัวค่าเงินและตลาดหุ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ เรียเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน
คาร์สเตนส์ ยังกล่าวด้วยว่า การกลับเข้ามารับตำแหน่งอีกสมัยของปธน.ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อกฎระเบียบการเงินโลกที่เปราะบางอยู่แล้ว รวมถึงอาจทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป แข่งขันกันลดมาตรฐานการกำกับดูแลทางการเงิน
นอกจากนี้ คาร์สเตนส์ยังเตือนถึงการดำเนินนโยบายการคลังแบบผ่อนคลาย และโอกาสที่หนี้สินจะพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อค่าเงิน
ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวสุนทรพจน์ผ่านระบบวิดีโอลิงค์ในการประชุม WEF ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้ธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเตือนว่าผู้นำภาคธุรกิจทั่วโลกจะเผชิญกับการถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าที่ผลิตนอกเขตแดนสหรัฐฯ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งรวมถึงออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก และโทมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ได้แสดงความกังวลว่า มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์เป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.พ. 68)
Tags: BIS, ทรัมป์ 2.0, เศรษฐกิจโลก, โดนัลด์ ทรัมป์