นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจของ BEM มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น หลังจากที่บริษัทฯ เข้ารับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งได้เซ็นสัญญาวันนี้ โดยคาดว่า จำนวน 80% ผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีส้มที่คาดว่าจะมีกว่า 1 แสนเที่ยว/วันนั้น จะส่งต่อผู้โดยสารให้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้โดยสารสายสีน้ำเงินแตะ 6 แสนเที่ยว/วัน และถึงจุดคุ้มทุน (Breakeven) และเริ่มมีกำไร
“ในปี 71 เมื่อเปิดเดินรถสายสีส้ม จะเป็น Big Jump ที่มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 1 แสนคน เท่ากับเพิ่มขึ้น 20% รายได้และกำไรก็โตตามไปด้วย” นายสมบัติ กล่าว
พร้อมระบุว่า หลังเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออก โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ จากเดิมรายได้ธุรกิจทางด่วน สัดส่วน 60% และรายได้ธุรกิจรถไฟฟ้า สัดส่วน 40% ก็จะกลับด้านเป็น รายได้จากธุรกิจรถไฟฟ้า สัดส่วน 60% รายได้จากธุรกิจทางด่วน 40% แต่กำไรจากทางด่วนมีสัดส่วนมากกว่า เพราะธุรกิจทางด่วนไม่มีการตัดค่าเสื่อมอีกแล้ว
ทั้งนี้ ประเมินว่ารถไฟฟ้าสายสีส้ม จะใช้เวลาหลังเปิดเดินรถฝั่งตะวันออก ประมาณ 6-7 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน
นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า บริษัทจะสั่งซื้อรถไฟฟ้ารองรับโครงการเดินรถสายสีส้ม จำนวน 32 ขบวน วงเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท และจะสั่งซื้อรถไฟฟ้าอีก 21 ขบวน เพื่อใช้รองรับสายสีน้ำเงินที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารจากสายสีส้มที่เชื่อมต่อเข้ามา โดยอาจจะสั่งซื้อพร้อมกัน ซึ่งปัจจุบันสายสีน้ำเงินมีรถไฟฟ้าอยู่ 54 ขบวน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 67)
Tags: BEM, ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ, รถไฟฟ้าสายสีส้ม, สมบัติ กิจจาลักษณ์