นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจประจำไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มีรายได้จากยอดขายรวมที่ 4,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 120 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 30 ล้านบาท และยังเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
เป็นผลจากการที่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เข้าซื้อหลักทรัพย์ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.บางจาก ศรีราชา (BSRC) ส่งผลให้ปริมาณการผลิตผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลของบริษัทฯ เติบโตกว่า 80% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือ เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66 ทำสถิติยอดขายสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ขณะที่ธุรกิจเอทานอล ยังมีสถานการณ์วัตถุดิบราคาสูง ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนควบคู่กับการปรับปรุงการผลิตและบริหารการขายให้มีประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น
ในส่วนของธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงนั้น อยู่ระหว่างการเดินหน้าก่อสร้างโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel – SAF) จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วที่ร่วมทุนกับ BCP อยู่ 20% โดยมีกำลังการผลิตรวม 1,000,000 ลิตร/วัน และโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (Contract Development and Manufacturing Organization หรือ CDMO) ในเฟสแรกที่มีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์อยู่ 2,000 ตันต่อปี โดย BBGI จะถือหุ้นไม่น้อยกว่า 75% ซึ่งได้เดินหน้าก่อสร้างและสั่งเครื่องจักร อุปกรณ์สำหรับโรงงาน ณ จังหวัดฉะเชิงเทราหรือพื้นที่ EEC เพื่อเตรียมพร้อมจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงประมาณต้นปี 68
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 67)
Tags: BBGI, กิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์, บีบีจีไอ, หุ้นไทย, ไบโอดีเซล