ASIAN คาด เอเชี่ยน อะไลอันซ์ฯ ขาย IPO ปลายต.ค.-ต้นพ.ย.เล็งนำเงินขยายธุรกิจ

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) เปิดเผยความคืบหน้าในการนำ บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมาได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว และคาดว่าจะสามารถขายหุ้น IPO ได้ช่วงปลายเดือน ต.ค.-ต้นเดือน พ.ย.65

AAI มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 637.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 425,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 20% และ หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย ASIAN จำนวนไม่เกิน 212,500,000 หุ้น คิดเป็น 10.00%

สำหรับเงินที่ ASAIN ขายหุ้น AAI นั้น บริษัทอยู่ระหว่างการมองหาการเข้าลงทุนขยายธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่อง เพื่อที่จะขยายธุรกิจของ ASIAN ให้มีการเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยการลงทุนนั้นจะต้องมีอัตราผลตอบแทน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 15% แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ AAI เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายในปี 65 จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,800 ล้านบาท โดยทิศทางอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มของประชากรโลกเริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุและความนิยมในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนหรือเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น (Pet Humanization)โดยเฉพาะอาหารสุนัข และ อาหารแมว โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งผลิตสินค้า (OEM) เข้ามาจำนวนมาก

ในขณะเดียวกันบริษัทได้เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ของบริษัทสำหรับแมวและสุนัขในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย แบรนด์มองชู (monchou) แบรนด์มองชู บาลานซ์ (monchou balanced) แบรนด์ฮาจิโกะ (Hajiko) และแบรนด์โปร (Pro) ที่ได้รับการตอบรับที่จากลูกค้า โดยบริษัทคาดหวังว่าภายใน 5 ปี สัดส่วนรายได้จากแบรนด์ของบริษัทเองจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3%

AAI เตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 42,000 ตัน/ปีในช่วงปลายไตรมาส 2/65 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตราว 36,000 ตัน/ปี โดยหลังจากที่ได้เงินจากการระดมทุนบริษัทก็มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 40,000 ตัน/ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเป็นการเข้าซื้อกิจการ หรือเป็นการพัฒนาโรงงานใหม่ด้วยตนเองทั้งหมด คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นปี 66

“ปัจจุบันเรายังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งต้นทุนด้านการหลิต และ ต้นทุนด้านวัตถุดิบ ที่จะเข้ามาช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นในทุกๆด้าน ขณะที่แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดครั้งนี้จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตอย่สฃต่อเนื่อง”

นายเอกราช กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 65)

Tags: , , , ,