นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานกรรมการ บมจ.แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) เปิดเผยว่า บริษัทจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท บิทคับ แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งมีบริษัทในกลุ่มเป็นผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย โดย AS จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ในสัดส่วน 9.22% ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นมูลค่า 600 ล้านบาท คาดว่าดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือน ก.ค. 66
การประกาศความร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ (Strategic partnership) เพื่อผนึกความแข็งแกร่งและขยายโอกาสทางธุรกิจของทั้ง 2 ฝ่ายในอนาคต ซึ่งช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจจากเดิมที่ให้บริการเกมออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สู่การเป็นบริษัทด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ทำให้เราสนใจนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีศักยภาพและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
“เราเล็งเห็นถึงโอกาสและมีความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือเว็บ3.0 จะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต จึงมีความสนใจเข้าลงทุนใน บิทคับ ออนไลน์ เนื่องจากเป็นผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลอันดับหนึ่งที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% รวมถึงกลุ่มบิทคับยังมีความเชี่ยวชาญและมีระบบนิเวศด้านบล็อกเชนและคริปโทฯ ครบวงจรมากที่สุด ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและต่อยอดธุรกิจของแอสเฟียร์ฯ รวมถึงบริษัทในกลุ่มให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจากการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ในหลากหลายด้าน” นายปราโมทย์ กล่าว
ความร่วมมือกับ Bitkub ในครั้งนี้จะเข้ามาสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์ม ASTRONIZE ของบริษัทที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ทำให้เกมต่างๆ ในรูปแบบโมเดลธุรกิจเดิม (Conventional Game) ปรับเปลี่ยนไปสู่ Play and Earn โดยนำเทคโนโลยีบล็อคเชนเข้ามาใช้ และใช้โทเคนใน Ecosystem เปรียบเสมือน Reward จากการเล่นเกม ทำให้ผู่เล่นในเกมสามารถใช้โทเคนในการแลกเปลี่ยนไอเท็มในเกมได้อย่างสะดวก และสร้างโอกาสพัฒนาเกมสู่ระดับสากล Global Platform เชื่อมต่อผ่านระบบEcosystem เดียวกันได้ ทำให้ผู้เล่นจากหลากหลายประเทศสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ ในเกม หรือทำกิจกรรมต่างๆ ในเกมได้งสะดวกแบบไร้พรมแดน ผ่านแพลตฟอร์ม ASTRONIZE
สำหรับเกมแรกที่จะให้บริการบนแพลตฟอร์ม ASTRONIZE คือ เกม TS Mobile ซึ่งได้รับความนิยมสูง และมีฐานผู้เล่นเกมจำนวนมาก คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4/66 โดยบริษัทนำเกมมาพัฒนาและปรับให้เข้ากับระบบที่อยู่บนแพลตฟอร์ม ASTRONIZE ใช้ชื่อเกมว่า “TSX” ที่จะให้บริการในรูปแบบเกมที่เป็น Play and Earn โดยใช้เงินลงทุนไปหลายสิบล้านบาท
นายกิตติพงศ์ พฤกษอรุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies ของ AS กล่าวว่า รูปแบบเกมใหม่บนแพลตฟอร์ม ASTRONIZE ที่เป็น Play and Earn จะแตกต่างจาก Play to Earn ตรงที่ Play and Earn จะเน้นไปที่ความสนุกของเกมเป็นหลัก และโทเคนที่ได้รับมาจะเป็น Reward นำมาใช้แลกเปลี่ยนไอเท็มระหว่างผู้เล่นรายอื่น หรือแลกเปลี่ยนไอเท็มในระบบเกมได้ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ภายในเกม ซึ่งอยู่ใน Ecosystem ของ ASTRONIZE ที่เป็นระบบปิด ทำให้ผู้เล่นเกิดความมั่นใจมากขึ้น แตกต่างจากเดิมที่การแลกเปลี่ยนไอเท็มหรือตัวละครต่างๆมีการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้เล่นกันเองนอกระบบ ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจจะโดนโกงได้ รวมถึงผู้เล่นที่เข้ามาในระบบไม่จำเป็นต้องเข้าไปลงทุนซื้อ NFT มาก่อนเพื่อเป็นการให้ผลตอบแทนกับผู้พัฒนาเกมเหมือนกับเกมรูปแบบ Play to Earn ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องเริ่มลงทุนก่อนการเล่นเกม
ขณะที่แพลตฟอร์ม ASTRONIZE จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในหลายๆ ประเทศมีความเชื่อมโยงเข้ามากันเมื่อเข้ามาอยู่ใน Ecosystem ของ ASTRONIZE เช่น การที่ผู้เล่นจากหลายประเทศสามารถแลกเปลี่ยนไอเท็มต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มได้อย่างสะดวก และไร้ข้อจำกัด ทั้งในการชำระเงินระหว่างประเทศ การเสียค่าธรรมเนียมที่ซ้ำซ้อน ทำให้ผู้เล่นมีต้นทุนสูงในการแลกเปลี่ยนไอเท็มต่างๆ และเป็นการ Intregareted ผู้เล่นจากหลายประเทศเข้ามาไว้ด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียว โดยเฉพาะเกมที่ AS ให้บริการใน 6 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เกมจากต่างชาติที่สนใจเข้ามาพัฒนาในรูปแบบ Play and Earn สามารถเชื่อมต่อระบบกับASTRONIZE ได้ ซึ่งทำให้ ASTRONIZE จะเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความหลากหลาย
ส่วนโทเคนที่จะใช้ในแพลตฟอร์ม ASTRONIZE ในช่วงแรกจะใช้โทเคน KUB ซึ่งได้นำระบบไปเชื่อมต่อและรันบน Bitkub chain ซึ่งโทเคน KUB มีการซื้อขายใน Exchange 5-6 Exchange ซึ่งผู้เล่นสามารถหาโทเคน KUB นำมาแลกเปลี่ยนไอเท็ม หรือทำกิจกรรมในเกมบนแพลตฟอร์ม ASTRONIZE ได้อย่างสะดวก
ขณะที่โทเคนของบริษัทที่จะใช้ในแพลตฟอร์ม ASTRONIZE ที่จะมีการ ICO คือ AST นั้นยังอยู่ระหว่างการรอหลักเกณฑ์ในการออก ICO ที่เป็น Utility Token จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งทางก.ล.ต.เลื่อนการออกหลักเกณฑ์ไปในช่วงปลายปีนี้ ทำให้แผนการยื่น White paper เสนอขาย ICO ของบริษัทต้องเลื่อนออกไปเป็นช่วงปี 67 ซึ่ง ICO ของบริษัทจัดอยู่ในหมวดหมู่ Utility Token ประเภทไม่พร้อมใช้ และจะมีการลิสต์โทเคนใน Exchange ด้วย
นายปราโมทย์ กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ASTRONIZE ยังต้องใช้เวลาอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการสร้างรายได้ ซึ่งช่วงแรกของการเปิดให้บริการยังเป็นช่วงที่เริ่มทดสอบระบบ และดูกระแสตอบรับจากผู้เล่นเกม ซึ่งจะมีการพัฒนาบริการใหม่ๆในแพลตฟอร์ม และรูปแบบเกมใหม่ๆที่จะเข้ามาเสริมมากขึ้น เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ และมีความหลากหลาย ดึงดูดผู้เล่นเข้ามาเป็นจำนวนมากได้ โดยปัจจุบัน AS มีฐานผู้เล่นเกมรวมอยู่กว่า 160 ล้านบัญชี
ด้านแนวโน้มของบริษัทในครึ่งปีหลังของปี 66 มองว่าจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปีนี้ จากช่วงครึ่งปีแรกที่ยังทรงๆ ไม่ได้หวือหวามาก เพราะในช่วงครึ่งปีหลังมีเกมใน Pipeline ที่จะเปิดตัวอีก 6 เกม มากกว่าครึ่งปีแรกที่เปิดไปน้อย รวมถึงการที่จีนกลับมาเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้การนำเกมจากผู้พัฒนาเกมจากจีนมาเปิดให้บริการทำได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการเปิดให้บริการของแพลตฟอร์ม ASTRONIZE ที่จะเริ่มในไตรมาส 4/66 จะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ของบริษัทในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้
ทั้งนี้ ในอนาคตโอกาสการถือหุ้นเพิ่มขึ้นในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด มากกว่า 9.22% นั้นยังคงต้องรอการพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงการเริ่มความร่วมมือกันอย่างจริงจังระหว่างบริษัท และ Bitkub
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่บง AS และ Bitkub มาจากการเล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือเว็บ 3.0 ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ และได้ซื้อหุ้นของ บิทคับ ออนไลน์ ในครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ บริษท บิทคับ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ AS ตั้งบริษัทร่วมทุนในนาม บริษัท คับเพลย์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (KUBPLAY) ดังนั้น การร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสองบริษัทให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนกลุ่มบิทคับจะได้พันธมิตรด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญอย่าง AS ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เกม รวมถึงธุรกิจสื่อและการตลาด เข้ามาผนึกกำลังในกลุ่ม รวมไปถึงการสนับสนุนจากพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆของ AS อีกด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทั้งสองบริษัทมีวิสัยทัศน์ทางธุรกิจและการทำงานที่สอดคล้องกัน ดังนั้น กลุ่มบริษัท Bitkub และAS พร้อมจะแบ่งปันจุดแข็งที่ต่างฝ่ายมี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัทบิทคับให้เติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ
“การจับมือกันในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการร่วมกันวางกลยุทธ์ที่ครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อให้กลุ่มบริษัทบิทคับ สามารถขยายตลาดไปสู่ระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต” นายจิรายุส กล่าว
ขณะที่โอกาสในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจจากการจับมือกับ AS ที่ต่อยอดให้กับทาง Bitkub ยังมีอีกมาก ทั้งการพัฒนาบริการด้านเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกมาก การต่อยอดฐานลูกค้าใหม่ๆให้กับ Bitkub ซึ่งปัจจุบัน Exchange ของ Bitkub เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม มีฐานลูกค้าที่ Active ในปัจจุบันกว่า 1.9 ล้านบัญชี สิ้นปีนี้ตั้งเป้าจะมีฐานลูกค้าที่Active อีกราว 1 ล้านบัญชี เป็นแตะ 3 ล้านบัญชีในสิ้นปี 66 รวมถึงโอกาสในการที่ Exchange ของ Bitkub จะมีมูลค่าการซื้อขายมากขึ้นในอนาคต จากความร่วมมือกับ AS ในการพัฒนาแพลตฟอร์มเกม Play and Earn ซึ่งปัจจุบันมูค่าการซื้อขายของ Exchange Bitkub อยู่ที่เฉลี่ยหลักพันล้านบาท/วัน ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของ Exchange อี่นๆในโลกที่ให้บริการ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 66)
Tags: AS, Bitkub, จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา, บิทคับ, ปราโมทย์ สุดจิตพร