นายไมเคิล อเล็กซานเดอร์ วิลเลี่ยม เฟอร์นันเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอคิว เอสเตท (AQ) กล่าวว่า ตามที่ บมจ.เอคิว เอสเตท จำกัด ยื่นฟ้อง ธนาคารกรุงไทย (KTB) ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.62 กรณีชำระหนี้ในคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 3,898.70 ล้านบาท ที่ทาง KTB ไม่ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวบันทึกเป็นเงินต้นและหักออกจากหนี้ทั้งหมดที่บริษัทต้องชำระตามข้อตกลง แต่ไปบันทึกเป็นดอกเบี้ยแทน
โดยตั้งแต่นัดแรกที่ศาลนัดกำหนดแนวทางการดำเนินคดีหรือสืบพยานโจทก์ คือ วันที่ 18 พ.ย. 62 ฝ่ายจำเลยทั้งหมด (ธนาคารกรุงไทย และกรรมการบริษัทรวม 13 ราย) ขอขยายคำให้การและขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การออกไปอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในปี 63 สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ศาลอนุมัติการขอเลื่อนนัดในหลายครั้ง
ต่อมาจำเลยรายหนึ่งได้มีคำร้องถึงศาลขอให้วินิจฉัยข้อกฎหมายในคดีนี้ในวันที่นัดพร้อม คือ วันที่ 27 ต.ค. 64 ศาลพิจารณาตรวจดูคำฟ้องและคำให้การแล้วเห็นว่ายังมีข้อเท็จจริงที่ต้องสืบอีกหลายประเด็นไม่สามารถวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฏหมายได้ แต่จะวินิจฉัยให้พร้อมกับการตัดสินคดี ดังนั้น ในวันที่ 27 ต.ค.64 ศาลจึงให้กำหนดประเด็นที่จะพิจารณาคดีให้กระชับ และให้กำหนดสืบพยานโจกท์วันที่ 22-23 มี.ค. 65 และกำหนดสืบพยานจำเลยวันที่ 24, 29-31 มี.ค. 65
“ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆสำหรับบริษัท เพราะศาลยังเห็นว่าเป็นคดีที่สำคัญและมีทุนทรัพย์สูง สมควรให้สืบข้อเท็จจริงละเอียดถี่ถ้วน ศาลจึงไม่วินิจฉัยข้อปัญหาข้อกฏหมายตามที่จำเลยที่ 13 ร้องขอ AQ ยังคงทำงานอยู่บนความคาดหวังของผู้ถือหุ้นกว่า 30,000 ราย เชื่อว่าหลังจากนัดสืบพยาน ศาลต้องให้คำพิพากษาอันเป็นธรรมกับบริษัทที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้ เราเตรียมพร้อม reverse เงินก้อนโตนี้และนำพาให้ธุรกิจของ AQ กลับสู่ยุคทองอีกครั้ง”
นายไมเคิล กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 64)
Tags: AQ, KTB, คดีบันทึกหนี้, ธนาคารกรุงไทย, หุ้นไทย, เอคิว เอสเตท, ไมเคิล อเล็กซานเดอร์ วิลเลี่ยม เฟอร์นันเดช