AHC เดินแผนผุดศูนย์เฉพาะทางเพิ่ม-ดึงพันธมิตรต่างชาติขยายฐาน วางเป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 15%

นายสิริพจน์ มาโนช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร บมจ.โรงพยาบาลเอกชล (AHC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2567 ไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน 1.8 พันล้านบาท โดยมีแผนจัดตั้งศูนย์เฉพาะทางมากขึ้น พร้อมศึกษาความร่วมมือกับพันธมิตรมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านความหลากหลายด้านการให้บริการทางการแพทย์ในปีนี้ โดยล่าสุดเตรียมลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรไต้หวัน ภายใน 2 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ โรงพยาบาลจัดศูนย์ทางการแพทย์เฉพาะทาง เพื่อขยายศักยภาพการดูแลรักษากลุ่มแม่และเด็กแบบครบวงจร โดยมีการจัดให้มีหมอเด็ก (กุมารแพทย์) ที่ประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดให้มีทีมแพทย์เฉพาะทางเพื่อรองรับการดูแล รักษา ผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อน เช่น โรคระบบประสาท โรคกระดูกและข้อ โรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ

ขณะที่ โรงพยาบาลเอกชล 2 มุ่งเน้นรับสิทธิประกันสังคม และสิทธิร่วมต่างๆ มีแผนจัดตั้งศูนย์เฉพาะทางมากขึ้นเช่นกัน เริ่มจากการเปิดให้บริการดูแลกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ (Palliative Care) เพื่อขยายบริการให้สามารถรองรับการรักษาพยาบาล ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ปัจจุบันมาจากกลุ่มประกันสังคม 20% กลุ่มสิทธิร่วมต่าง ๆ อาทิ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ คู่สัญญาโรงพยาบาล รวมทั้งเงินสด 75% และรายได้อื่น ๆ 5%

“จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาล พบว่ามีสัดส่วนผู้ใช้บริการกลุ่มผู้สูงอายุ และเด็ก รวมกันกว่า 65% ของจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมด โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องการแพทย์ พยาบาล ดูแลเป็นพิเศษซึ่งมีแนวโน้มอัตราการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลจึงปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสและเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นในอนาคต” นายสิริพจน์ กล่าว

สำหรับการปรับปรุงห้องผ่าตัด (OR) และห้องผู้ป่วยวิกฤต (ICU) ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้ภายในเดือนมีนาคมนี้และหอพักผู้ป่วยชั้น 10 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณช่วงกลางปี อีกทั้ง โรงพยาบาลมีแผนการลงทุนปรับปรุงด้านอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ ห้องพักผู้ป่วยชั้นอื่นๆ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยตั้งงบประมาณการลงทุนกว่า 100 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งการปรับปรุงต่าง ๆ โรงพยาบาลจะเพิ่มอัตราค่าบริการประมาณ 5-10%

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือกับพันธมิตรระดับนานาชาติ ในการขยายศักยภาพบริการการแพทย์เฉพาะทาง ขยายโอกาสทางธุรกิจและกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อยกระดับการดูแลรักษา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมให้ธุรกิจโรงพยาบาล มีผู้ใช้บริการที่หลากหลายมากขึ้น และช่วยสร้างฐานรายได้ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ด้านความร่วมมือกับ Id Hospital ประเทศเกาหลีใต้ ให้บริการด้านสุขภาพและความงามครบวงจร (Wellness & Plastic surgery) อยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการให้คำปรึกษา ให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องช่วยในการตัดสินใจแก่ผู้สนใจในการทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ ยังวางแผนการตลาดสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอาทิ คนวัยทำงาน นักศึกษา ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ สร้างการรับรู้เพิ่มขึ้นในวงกว้าง และคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้เร็วๆนี้ เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มอัตราการใช้บริการในแผนกอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวจะผลักดันให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถเพิ่มอัตราทำกำไรดีขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถเติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลัก สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยการเติบโตของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 12%

ขณะที่แนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรีมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง โดยมีโรงพยาบาลเอกชนเข้ามาเปิดให้บริการในจังหวัดชลบุรีมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในปีนี้และปีถัดไปจะมีแบรนด์โรงพยาบาลอีก 2-3 แห่งเข้ามาเปิดให้บริการในพื้นที่ รวมทั้งมีธุรกิจอื่น ๆ ขยายเข้ามาทำธุรกิจ Health care มากขึ้น บริษัทจึงต้องหาจุดเด่น ที่แตกต่างจากคู่แข่งเพื่อให้สามารถแข่งขันอยู่ในตลาดได้

ซึ่งจุดแข็งของบริษัทคือฐานลูกค้ากลุ่มชลบุรีเนื่องจากการเปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน และการมีบุคลากรทางการแพทย์ที่สามารถดูแลครอบคลุมได้เกือบครบทุกโรค อย่างไรก็ตามบริษัทมุ่งเน้นการพูดคุยกับพันธมิตรระดับนานาชาติเพื่อแลกเปลี่ยนนวัตกรรมความรู้ต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมกันรวมทั้งพัฒนาศักยภาพในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มี.ค. 67)

Tags: , ,