ADVICE ตั้งเป้ารายได้ปี 67 ฟื้นโตทะลุ 10% รับสาขาใหม่ จ่อเปิดช็อป iStudio ใน Q3

นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท (ADVICE) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน โดยจะเน้นเกี่ยวกับตลาด Smart Phone และ Android แม้ปัจจุบัน ADVICE ยังมีสินค้าไอทีเป็นรายได้หลัก และในครึ่งปีหลังจะมีสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่เข้ามาเป็น CPU ที่ประมวลผลด้วยระบบ AI เป็นตัวเสริมที่จะทำให้ภาพรวมตลาดไอทีครึ่งปีหลังมีความคึกคักมากขึ้น สำหรับการเติบโตจะมาจากสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนเป็นหลัก

โดย ADVICE ได้มีการเจรจากับ บริษัท แอปเปิ้ล เซาท์เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด (Apple Thailand) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดสาขา iStudio by Advice ได้ภายในไตรมาส 3/67 และจะมีการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรให้มากขึ้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ เปิดสาขาแรกของปี ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มผู้บริโภคภาคกลางตอนบน พร้อมตั้งเป้าในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้น โดยคาดว่าจะมีหน้าร้าน Advice รวมทั้งสิ้น 390 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2569 แบ่งออกเป็นการเปิดสาขาของบริษัทเพิ่มอีก 20 แห่ง ในทำเลที่มีศักยภาพโดยเน้นพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นหลัก และขยายสาขาแฟรนไชส์อีก 30 แห่ง

ทั้งนี้ หลัง ADVICE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เงินที่ได้จากการระดมทุนในการเสนอขายหุ้น IPO ได้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินเพื่อลดดอกเบี้ย ส่วนที่เหลือจะทยอยใช้ในการขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิมให้มีความทันสมัย เพื่อขยายในส่วนของ Smart Phone ที่เป็น Android ด้วย และการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กร รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อสินค้า และลงทุนปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท เป็นการเพิ่มโอกาสและศักยภาพการเติบโตให้กับ ADVICE

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 13,518.71 ล้านบาท ลดลง 6.04 % จากปีก่อน มีกำไรสุทธิ 170.25 ล้านบาท ลดลง 17.22% เทียบกับปีก่อน โดยผลประกอบการที่ลดลงสาเหตุหลักมาจากภาพรวมตลาดสินค้าไอทีชะลอตัวลง เนื่องจากความต้องการสินค้ามีสูงมากในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผู้บริโภคซื้ออุปกรณ์ไอทีกันเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับการเรียนและการทำงานในรูปแบบทางไกล และหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดน้อยลง จนผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านไอที และนวัตกรรมมีการชะลอการเติบโตจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ดีมานด์ถูกเร่งให้โตสูงขึ้นจากความจำเป็นในการใช้งานกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งการเรียนและการทำงาน ส่งผลให้ปี 2566 การขยายตัวของตลาดมีสัดส่วนที่น้อยลง ส่งผลให้กำลังซื้อสินค้าที่เคยมีในช่วงโควิดลดลงเช่นกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.พ. 67)

Tags: , , ,