AAV หันรุกเพิ่มไฟล์ทบินเส้นทางในประเทศ หนุนมาร์จิ้นสูง รับจีนหดตัวแรงดึงอินเดียชดเชย

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น [AAV] และ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ปี 68 บริษัทมีกลยุทธ์สำคัญมุ่งเน้นการเติบโตจากตลาดในประเทศ (Domestic) โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนปริมาณที่นั่ง (Capacity) เส้นทางบินในประเทศเป็น 65% จากเดิม 60% จากการขยาย Capacity สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ และตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในประเทศให้ได้มากกว่า 40%

โดยในปี 67 เส้นทางในประเทศมีอัตราทำกำไร (Margin) ที่ดีกว่าต่างประเทศราว 2 เท่า เนื่องจากเส้นทางการบินต่างประเทศ มีค่าใช้จ่ายสูงจากเส้นทางการบินที่ไกล ใช้น้ำมันมากกว่าซึ่งต้นทุนน้ำมันเป็น 40% ของต้นทุนรวม ประกอบกับการแข่งขันสูง สายการบินต่างประเทศที่บินมาไทยบางเส้นทาง มีการแข่งขันด้านราคาตั๋ว

ขณะที่เส้นทางในประเทศ เที่ยวบินสั้นควบคุมต้นทุนได้ดีกว่า นอกจากนี้ดีมานด์การท่องเที่ยวในประเทศกลับมาเทียบเท่ากับระดับก่อนโควิด-19 ตั้งแต่ปี 66 ขณะเดียวกันสัดส่วนจำนวนผู้โดยสารต่างชาติ เดินทางในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 24% จากสัดส่วน 20% ในปี 62 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล

ทั้งนี้การเพิ่ม Capacity การบินในประเทศ ผ่านการใช้กลยุทธ์ 2 สนามบินในประเทศ ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง สร้างความแข็งแกร่ง โดยสนามบินสุวรรณภูมิเน้นจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิมีเส้นทางการบินในประเทศเพียง 37% ยังมีโอกาสที่จะเพิ่มเที่ยวบินได้อีก โดยมีแผนเปิดเส้นทางให้ครอบคลุมและขยายเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในเมืองรอง ขณะที่สนามบินดอนเมืองซึ่งเป็นพื้นที่หลัก และบริษัทยังมีการเพิ่ม Capacity เส้นทางบินในประเทศอยู่ต่อเนื่อง

*รับนทท.จีนหนีไทยไปเที่ยวประเทศอื่น ดึงอินเดียชดเชย

สำหรับประเด็นนักท่องเที่ยวจีนชะลอตัวตั้งแต่ต้นปีจากข่าวด้านความปลอดภัย ซึ่งบริษัทได้ลด Capacity เส้นทางบินจีน-ไทย ลงเหลือ 17% จากก่อนหน้านี้ 30% ซึ่งเป็นการปรับเพียงชั่วคราวให้เหมาะสมกับดีมานด์ ถ้ามีแนวโน้มดีขึ้นก็พร้อมที่จะปรับ Capacity ขึ้น ทั้งนี้แม้ตัวเลขผู้โดยสารจีนจะลดลง แต่จะถูกชดเชยจากเส้นทางเอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดีย ที่จะเพิ่มสัดส่วนจาก 8% เป็น 18%

โดยมองว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีศักยภาพ จำนวนประชากรมากกว่าจีน และมีการเดินทางเข้ามาในไทย อย่างไรก็ตามปีที่ผ่านมามีข้อจำกัด จำนวนที่นั่งระหว่างประเทศซึ่งมีการตกลงระหว่างไทยและอินเดีย ปีที่แล้วมีการขยายเพิ่มขึ้น 7,000 ที่นั่ง ซึ่งสายการบินในไทยที่บินไปอินเดียที่นั่งเต็มแล้ว จึงจะมีการเจรจาในเร็ว ๆ นี้เพื่อขยายโควต้าที่นั่ง หากขยายได้จะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาในประเทศไทยได้ ในแง่จำนวนผู้โดยสารคาดว่าจะชดเชยจีนที่ชะลอตัวลงชั่วคราว ขณะที่บริษัทพร้อมที่จะเพิ่มความถี่เที่ยวบิน รวมทั้งเปิดเส้นทางใหม่จากอินเดียไปยังจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทยเพิ่ม

ทั้งนี้ในไตรมาส 1/68 จำนวนผู้โดยสารจีนปรับตัวลง ซึ่งภาพรวมมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าประเทศไทยสะสม ม.ค.- มี.ค. 68 ราว 1.5 ล้านคน และแอร์เอเชียมีผู้โดยสารจีนเข้ามาราว 2 แสนคน หรือ 10% ของผู้โดยสารระหว่างประเทศ จากเดิมมีสัดส่วนสูงสุดที่ 20% ในช่วงก่อนโควิด ทั้งนี้ผู้โดยสารจีนที่ชะลอตัวลง เนื่องจากช่วงต้นปีมีข่าวไม่ดี ซึ่งมีผลต่อตลาดจีนมาก โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังความเชื่อมั่นจะฟื้นกลับขึ้นมาได้ อยู่ที่การจัดการของภาครัฐและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการแก้ไขภาพลักษณ์ โดยอยากให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณแก่ภาคการท่องเที่ยวเป็นกรณีพิเศษ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยผ่านสื่อในประเทศจีน

“ตอนนี้หลาย ๆ ตัวเลขน่าเป็นห่วง นักท่องเที่ยวจีนไปญี่ปุ่นแซงไทยแล้วตั้งแต่ปี 67 ในอาเซียนเอง จีนไปเวียดนาม และมาเลเซียมากขึ้น เป็นโจทย์ที่เราต้องเร่งแก้ไขทั้งในภาคเอกชนและรัฐบาล”

นอกจากนี้ช่วง Low season ไทยแอร์เอเชียมองหาโอกาสใหม่ ๆ โดยบริษัทมีสิทธิ 5th Freedom ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 3 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ-ไทเป-โอกินาว่าได้แก่ กรุงเทพ-ไทเป-โอกินาว่า กรุงเทพ-เกาสง-โตเกียว (นาริตะ)และเส้นทางล่าสุด เชียงใหม่-ไทเป-ซัปโปโร ซึ่งปีนี้มีแผนจะเพิ่มเส้นทางอีก โดยอยู่ระหว่างศึกษาประเทศอื่น ๆ และคาดว่าจะมีเส้นทางฮ่องกงในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเส้นทาง 5th Freedom เป็นโอกาสในช่วง Low และทำกำไรได้ดี อีกทั้งจะช่วยเสริมรายได้เส้นทางต่างประเทศให้อีกด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มี.ค. 68)

Tags: , , ,