นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียเอวิเอชั่น (AAV) และ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปี 66 นี้จะเทิร์นอะราวด์พลิกสู่กำไร จากเป้าหมายารายได้ 42,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 65 ที่มีรายได้ 1.7 หมื่นล้านบาท หลังจากกลับมาทำการบินได้มากขึ้นเป็นราว 85% ของช่วงก่อนโควิดในปี 62 คาดหวังจำนวนผู้โดยสารกลับมาที่ 20 ล้านคนใกล้กับปี 62 ที่อยู่ในระดับ 22.15 ล้านคน ซึ่งสูงขึ้นจากปี 65 ที่มีจำนวน 9.95 ล้านคน
AAV เห็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ไตรมาส 1/66 จำนวนผู้โดยสารฟื้นกลับมาหนาแน่นมาก อัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) พุ่งสูงกว่า 90% โดยได้รับโมเมมตัมมาจากไตรมาส 4/65 และเชื่อว่าจะคงระดับเหนือกว่า 90% ไปได้ในไตรมาส 2/66 โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ที่มียอดจองตั๋วล่วงหน้าเข้ามาค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันบริษัทสามารถปรับราคาตั๋วโดยสารสูงขึ้น 20% ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/65 มาถึงไตรมาส 2/66 ตามความต้องการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น และส่วนหนึ่งมาจากค่าตั๋วได้รวมค่าธรรมเนียมน้ำมันที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นายสันติสุข กล่าวว่า ปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชียมีจำนวนเครื่องบินในฝูงบินทั้งหมด 53 ลำ หลังคืนเครื่องบินที่หมดสัญญาเช่าไป 10 ลำ โดยขณะนี้ใช้เครื่องบินอยู่ 45 ลำ ไตรมาส 2/66 คาดว่าจะใช้เพิ่มเป็น 48 ลำ และคาดว่าจะใช้เครื่องที่เหลือภายในไตรมาส 4/66 เพราะคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเดืนทางเข้ามามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะช่วงโกลเด้นวีคของจีนหยุดยาวช่วงเดือน ต.ค.
บริษัทมีแผนจะนำเครื่องบินของกลุ่มแอร์เอเชียในมาเลเซียเข้ามาใช้เพิ่มอีก 5 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นเดียวกันในฝูงบิน คือ แอร์บัส A320 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน ก็จะทำให้สิ้นปี 66 ไทยแอร์เอเชียจะมีจำนวนเครื่องบินเพิ่มเป็น 58 ลำ และมีความเป็นไปได้ที่จะปรับเป้าหมายปีนี้ให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10%
“ถ้าจีนเข้ามาเยอะจริงๆยังกำลังดูอยู่ว่าจะมี Plan เอาเครื่องเข้ามาอีก 5 ลำ ในไตรมาส 4 เพื่อมารองรับคนจีน”นายสันติสุข กล่าว
ปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชียมีเครื่องบินมากกว่าคู่แข่งเกือบ 3 เท่า โดยคู่แข่งมีฝูงบินไม่ถึง 20 ลำ ทำให้ไทยแอร์เอเชียสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดในระดับสูงไว้ได้ และมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อีก จากสิ้นปี 65 มีส่วนแบ่งตลาด 34% ขณะที่บริษัทยังมีแผนขยายฝูงบินอย่างต่อเนื่องในระยะต่อจากนี้ โดยจะเพิ่มจำนวนเครื่องบินในปี 67 อีก 5 ลำ เป็น 63 ลำ, ปี 68 เพิ่ม 5 ลำ เป็น 68 ลำ และในปี 69 จะเพิ่มเป็น 72-73 ลำ
นายสันติสุข กล่าวว่า จากตัวเลขของทางการระบุว่าในไตรมาส 1/66 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้ว 5.5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีน 4 ล้านคน ซึ่งไทยแอร์เอเชียมีผู้โดยสารชาวจีนราว 8 หมื่นคน และคาดว่าทั้งปีนี้จะมีชาวจีนเดินทางเข้ามาเข้ามา 7-8 ล้านคน ขณะที่ภายใน 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 70 มีโอกาสที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาสูงขึ้นเป็น 80 ล้านคน และมีความเป็นไปได้ที่นักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาถึง 20 ล้านคน ซึ่งไทยแอร์เอเชียมีแผนรุกตลาดจีนมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 67 ไทยแอร์เอเชียมีแผนจะรับมอบเครื่องบิน A321-XLR ที่จะสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกเป็น 230 คน/ลำจากที่เครื่องแอร์บัส A230 ที่ใช้งานอยู่รับผู้โดยสารได้ 180 คน และยังสามารถทำการบินได้ไกลขึ้นราว 5-6 ชม. เพื่อให้สอดคล้องกับแผนขยายจุดบินในจีนมากขึ้น อาทิ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และ ญี่ปุ่นบางเมืองที่จะไม่ทับเส้นทางของแอร์เอเชียเอ็กซ์ รวมทั้งขยายไปเอเชียใต้ ซึ่งอาจขยายเส้นทางในเมืองท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อาทิ อินเดีย-ภูเก็ต
นอกจากนี้ AAV ก็ยังมีความสนใจขยายธุรกิจในบริการภาคพื้นดิน หากมีการเปิดประมูลก็จะเข้าร่วม รวมถึง ศูนย์ซ่อมอากาศยาน ซึ่งจะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนในระยะต่อไป
นายสันติสุข กล่าวอีกว่า เชื่อว่าไม่ว่าจะรัฐบาลไหนจะเข้ามาสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว เพราะเป็นเครื่องยนต์สำคัญของประเทศ และขอฝากให้ช่วยผลักดันโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการบินด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มี.ค. 66)
Tags: AAV, ตลาดจีน, ฝูงบิน, สันติสุข คล่องใช้ยา, สายการบินไทยแอร์เอเชีย, หุ้นไทย, เอเชีย เอวิเอชั่น