เอกสารหลายฉบับที่บ่งชี้ว่าเป็นเอกสารข่าวกรองชั้นความลับของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เพนตากอน” ได้แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์เมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนทั่วโลก โดยเอกสารลับเหล่านี้เกี่ยวพันกับสงครามในยูเครนและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรชิดใกล้ของสหรัฐ
ในขณะที่สื่อมวลชนของสหรัฐแห่รายงานเรื่องเอกสารลับรั่วไหลครั้งนี้ ทว่าเหล่าเจ้าหน้าที่สหรัฐเลือกออกมาตอบสนองด้วยความระมัดระวัง โดยนายคริส เมเกอร์ โฆษกเพนตากอนระบุว่า รูปภาพที่แพร่สะพัดอยู่บนอินเทอร์เน็ตนี้ “ดูเหมือนจะเป็นรูปภาพของเอกสารที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับ” เอกสารที่จัดหาให้กับกลุ่มผู้นำทหารระดับอาวุโส แต่เน้นย้ำว่า เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐยังคงอยู่ในขั้นตอนประเมินความถูกต้องของเนื้อหาในเอกสาร
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่หลายรายได้ออกมาเตือนว่า เอกสารบางฉบับดูเหมือนจะถูกดัดแปลงแก้ไข ซึ่งสร้างความวิตกกังวลว่า เอกสารเหล่านี้จะถูกใช้ในการส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. นายเมเกอร์ระบุว่า เอกสารดังกล่าวสามารถสร้าง “ความเสี่ยงขั้นร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติ”
เหตุการณ์เอกสารลับของมหาอำนาจโลกรั่วไหลคราวนี้ได้ก่อให้เกิดคลื่นความตื่นตระหนกสาดซัดไปทั่วคณะบริหารสหรัฐ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐต่างนั่งไม่ติดต้องเร่งมือหาทางควบคุมและประเมินขอบเขตของการรั่วไหล ในขณะที่บรรดาพันธมิตรของสหรัฐต่างรู้สึกขุ่นเคืองใจ
*ปฐมบทแห่งหายนะด้านข่าวกรอง
เบลลิงแคต (Bellingcat) เว็บไซต์ด้านการสอบสวนระบุว่า เอกสารลับของเพนตากอนดูเหมือนจะปรากฎสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกในรูปภาพที่ถูกโพสต์บนดิสคอร์ด (Discord) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเกมเมอร์
รูปภาพเหล่านี้เป็นรูปภาพของเอกสารที่มีรอยยับวางอยู่บนนิตยสารและเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยกลุ่มอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐที่มีโอกาสเห็นรูปภาพชุดดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์สว่า เอกสารชุดนี้ดูเหมือนถูกพับ โดยเป็นไปได้ว่าจะถูกลอบหยิบใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงมาจากสถานที่ปลอดภัย
เบลลิงแคตติดตามเรื่องการรั่วไหลบนเซิร์ฟเวอร์ของดิสคอร์ดเพิ่มเติม โดยพบว่า เอกสารดังกล่าวปรากฎบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่เดือนมี.ค.แล้วและเอกสารบางส่วนถูกโพสต์บนดิสคอร์ดตั้งแต่เดือนม.ค.
เอกสารเหล่านี้มีสัญลักษณ์จำแนกชั้น โดยเอกสารบางชุดประทับตรา “ลับสุดยอด” (Top Secret) ซึ่งเป็นเอกสารชั้นความลับสูงสุด ขณะเดียวกัน นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า เอกสารบางฉบับประทับตรา “NOFORN” ย่อมาจาก “Not Releasable to Foreign Nationals” หรือในภาษาไทยคือ “ห้ามเผยแพร่ต่อชาวต่างชาติ” ซึ่งหมายความว่าห้ามเปิดเผยต่อหน่วยข่าวกรองต่างชาติ รวมถึง กลุ่มปัญจเนตร (Five Eyes) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของสำนักงานสอดแนมในสหรัฐ แคนาดา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
เบลลิงแคตเปิดเผยว่า รูปภาพเอกสารลับนี้แพร่กระจายจากดิสคอร์ดไปยังเว็บบอร์ดโฟร์แชน (4chan) ในเวลาต่อมา ก่อนที่จะถูกส่งต่อไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหญ่ ๆ จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเช่นในปัจจุบัน
*ล่าตัวมือมืดแหย่พญาอินทรีเปิดโปงข้อมูลลับ
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ได้เปิดปฏิบัติการสอบสวนเหตุเอกสารลับรั่วไหล เพื่อสืบหาต้นตอแล้ว แต่จนถึงบัดนี้กลับยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเป็นทางการ เพื่อชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ท่ามกลางการคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาของผู้คนจำนวนมาก
เอกสารลับ NOFORN และขอบเขตความกว้างทางภูมิรัฐศาสตร์ของข้อมูลในเอกสารลับดังกล่าวทำให้ผู้คนบางส่วนสงสัยว่าผู้ปล่อยข้อมูลเป็น “ชาวอเมริกัน” แม้เจ้าหน้าที่สองคนของสหรัฐกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ทางการสหรัฐยังไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าเอกสารเหล่านี้อาจถูกดัดแปลงแก้ไขเพื่อปกปิดตัวตนของมือมืด
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหรัฐกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังพิจารณาทฤษฎีเกี่ยวกับผู้อยู่เบื้องหลัง 4 หรือ 5 ประการ ตั้งแต่พนักงานที่มีความขุ่นข้องหมองใจไปจนถึงคนวงในที่ต้องการบั่นทอนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของสหรัฐ
จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจนว่า มือมืดรายนี้ครอบครองเอกสารชุดดังกล่าวได้อย่างไร
แต่ในวันอังคารที่ 11 เม.ย. นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศว่า จะเปิดโปงตัวตนของมือมืดรายนี้ให้จงได้ “เราจะเดินหน้าสอบสวนและไขคดีจนกว่าจะค้นพบต้นตอของเรื่องที่เกิดขึ้น”
ในวันเดียวกัน นายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ระบุว่า การสืบหาต้นตอของเหตุการณ์เอกสารลับรั่วไหลครั้งนี้ “ค่อนข้างจริงจัง”
*เอกสารลับจริง หรือแค่ปาหี่ต้มคนดู
ย้อนกลับไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 เม.ย. เพนตากอนออกมาเปิดเผยว่า เอกสารที่รั่วไหลบางส่วน “ดูเหมือนเป็นเอกสารลับทางราชการที่มีความอ่อนไหว” แต่ก็เน้นย้ำหลายครั้งว่า เอกสารบางส่วนถูกดัดแปลงแก้ไข
แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐยังไม่ยอมเปิดปากว่าส่วนใดของเอกสารกันแน่ที่อาจถูกดัดแปลงแก้ไข แต่เอกสารฉบับหนึ่งแสดงการประมาณการการเสียชีวิตของทหารรัสเซียในยูเครนน้อยกว่าที่สหรัฐยืนยันอย่างชัดเจน ขณะที่ตัวเลขการเสียชีวิตของทหารยูเครนกลับสูงกว่าตัวเลขของทางการอย่างมาก
ในวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. นายเมเกอร์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า “การเปิดเผยข้อมูลลับที่มีความอ่อนไหวสามารถส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของผู้คนอีกด้วย”
นายวีแดนต์ พาเทล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐ “กำลังหารือกับพันธมิตรและหุ้นส่วนในระดับสูงเกี่ยวกับประเด็นนี้”
ขณะที่ นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐออกมายอมรับในวันจันทร์ที่ 10 เม.ย.ว่า คณะบริหารสหรัฐไม่มั่นใจว่าจะมีเอกสารรั่วไหลอีกหรือไม่ โดยขณะนี้ “เรายังไม่ทราบตัวตนผู้อยู่เบื้องหลัง และแรงจูงใจในการก่อเหตุ”
*เอกสารลับรั่วไหลเปิดโปงสหรัฐลอบสอดแนมนานาชาติ
เอกสารลับที่แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์นี้ประกอบด้วยข้อมูลมากมาย เช่น ข้อมูลอ่อนไหวเกี่ยวกับสงครามยูเครน ทั้งยังเปิดโปงว่า สหรัฐแอบดักฟังประเทศพันธมิตร เช่น เกาหลีใต้ และอิสราเอล
-
ยูเครน – หากเอกสารได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นของจริงเท่ากับว่า สหรัฐได้ลอบดักฟังการสนทนาผ่านทางโทรศัพท์ของประนาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนกับเจ้าหน้าที่กลาโหมและทหารด้วยการใช้ข่าวกรองทางสัญญาณ (Signals Intelligence)
ขณะเดียวกัน เอกสารชุดนี้ยังเผยจุดอ่อนด้านระบบป้องกันภัยทางอากาศและขนาดกองทหารของยูเครนแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดปธน.เซเลนสกีกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ยูเครนดำเนินการแก้ไขแผนการทางทหารบางส่วน
-
รัสเซีย – เอกสารชุดนี้ยังเผยให้เห็นว่าสหรัฐได้แทรกซึมเข้าไปในกองทัพรัสเซียและแวกเนอร์ (Wagner Group) บริษัททหารเอกชนของรัสเซีย มากกว่าที่มีการคาดการณ์เอาไว้
นอกจากนี้ เอกสารยังเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการภายในของ GRU ซึ่งเป็นสำนักงานข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย โดยข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียถูกรวบรวมผ่านทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งขณะนี้กลุ่มคนดังกล่าวกำลังตกอยู่ในอันตราย
-
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) – เอกสารฉบับหนึ่งแสดงให้เห็นว่า สายลับสหรัฐได้จับกุมเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซียเอาไว้ โดยเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซียอวดอ้างว่า ได้โน้มน้าวให้ UAE “ร่วมมือต่อต้านหน่วยข่าวกรองสหรัฐและสหราชอาณาจักร”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาล UAE ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. โดยระบุว่า เรื่อง UAE กระชับความสัมพันธ์กับหน่วยข่าวกรองรัสเซียนั้นเป็นเรื่องเท็จ
-
อียิปต์ – เอกสารฉบับหนึ่งแสดงให้เห็นว่า อียิปต์วางแผนจัดหาขีปนาวุธและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับรัสเซีย โดยเอกสารที่ลงวันที่ศุกร์ที่ 17 ก.พ. ฉบับนี้อ้างข้อสรุปของการสนทนาระหว่างประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัลซีซี แห่งอียิปต์และเจ้าหน้าที่ทหารอียิปต์
-
เกาหลีใต้ – เอกสารอีกฉบับแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้ลอบดักฟังการหารือภายในของคณะผู้ช่วยระดับสูงของประธานาธิบดียุน ซอกยอล แห่งเกาหลีใต้ โดยเนื้อหาในการหารือดังกล่าวบ่งชี้ว่า สหรัฐได้กดดันให้เกาหลีใต้จัดหากระสุนปืนใหญ่ให้สหรัฐ เพื่อส่งต่อไปให้ยูเครน
กรณีดังกล่าวชี้ชัดว่า สหรัฐมีพฤติกรรมสอดแนมพันธมิตรของตน แม้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ออกมาอ้างเมื่อวันอังคารที่ 11 เม.ย.ว่า เนื้อหาในเอกสารฉบับดังกล่าวนั้น “ไม่เป็นความจริง” และ “ถูกดัดแปลงแก้ไข”
-
อิสราเอล – เอกสารฉบับหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเป็นการอัปเดตข่าวกรองของ CIA ตั้งแต่เมื่อวันพุธที่ 1 มี.ค. บ่งชี้ว่า มอสสาด ซึ่งเป็นสำนักข่าวกรองของอิสราเอล ได้ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มอสสาดเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านแผนการของรัฐบาลอิสราเอล ในการลดความเป็นอิสระของคณะตุลาการ แต่อิสราเอลได้ออกมาปฏิเสธเรื่องที่ มอสสาดมีบทบาทในการประท้วงต่อต้านรัฐบาล
*ปัจฉิมบทที่ยังมาไม่ถึง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยังมาไม่ถึงปัจฉิมบท แต่สะท้อนให้เห็นว่า แม้ฉากหน้าดูอบอุ่นละมุนละไม ทว่าความจริงแล้วมีการต่อสู้ด้านความมั่นคงแห่งชาติอันดุเดือดซุกซ่อนอยู่หลังม่าน เช่นสหรัฐที่ทำทุกวิถีทางเพื่อชิงความได้เปรียบและรักษาสถานะพี่ใหญ่ของโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 เม.ย. 66)
Tags: In Focus, ข้อมูลรั่ว, ข้อมูลลับ, เพนตากอน