ออสสิริส (Ausiris) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Gold Investment แนะจับตาราคาทองคำเดือน เม.ย.66 จากปัจจัยสำคัญธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความเคลื่อนไหวของราคาทองคำระลอกใหม่
นายพีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์ นักวิจัยอาวุโส แผนก Ausiris Intelligence บริษัท ออสสิริส จำกัด วิเคราะห์ว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ราคาทองคำในตลาดโลกทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เปิดปี 66 เป็นต้นมา โดยขึ้นมาอยู่ที่ 2,009 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในไทยก็ทำราคาสูงสุดทะลุ 32,000 บาท เป็นผลกระทบมาจากการล้มกะทันหันของ Silicon Valley Bank สร้าง domino effect ลุกลามไปยังธนาคารอื่นๆในสหรัฐและยุโรป ทำให้เกิดความตื่นตระหนกว่าจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงหลังจากเฟดตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่ออีก 0.25% เพื่อแก้ไขปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูง
ขณะที่ในเดือน เม.ย.66 ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม เริ่มตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนวันที่ 7 เม.ย.นี้ กระทรวงแรงงานของสหรัฐจะประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non-farm Payrolls) ว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ ซึ่งจะเป็นมาตรวัดหนึ่งที่เฟดจะใช้ในการประเมินทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
“ระดับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือน ม.ค.และ ก.พ.66 ยังทรงตัวในระดับสูง จึงมีแนวโน้มว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนไปแตะที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งจะต้องติดตามกันต่อไปในส่วนของเดือน มี.ค.ว่าเงินเฟ้อจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด โดยจะมีการประกาศในวันที่ 12 เม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 6% กดดันให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาสชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย นับเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ”นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นต่อมาปัญหาสภาพคล่องของธนาคารในสหรัฐฯ แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มดูคลี่คลายบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีหลายธนาคารทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปที่เสี่ยงการขาดสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะล่าสุด ธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส อย่าง Societe Generale SA และ BNP Paribas SA ต้องเผชิญกับค่าปรับรวมกันกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังการสอบสวนพบว่าธนาคารเหล่านี้เข้าไปพัวพันกับการฉ้อโกงทางภาษี และการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินปันผล และล่าสุดผู้บริหารระดับสูงของ JP Morgan เตือนว่าวิกฤตธนาคารยังไม่จบสิ้น และผลกระทบจากความวุ่นวายนี้อาจส่งผลไปอีกหลายปี
ประเด็นสุดท้าย คือช่วงปลายเดือน วันที่ 27 เม.ย.จะมีการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ของสหรัฐ ประจำไตรมาสแรกของปี 66 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะขยายตัวจากการบริโภคและการลงทุนในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ทั้งเอกชนและรัฐ ภาคผลิต รวมถึงการค้าปลีกที่ขยายตัว ผลที่ตามมาคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นกดราคาทองคำให้ต่ำลง
โดยสรุป ปัจจัยบวกต่างๆ ที่มีผลต่อราคาทองคำในเดือน เม.ย.66 ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่อาจส่งสัญญาณความกังวลการเกิดเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาสภาพคล่องของธนาคารในสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งนี้ในแง่ของสถิติย้อนหลัง 5 ปีในเดือน เม.ย.ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงขาขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งจะเริ่มปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน อาจมีลุ้นที่เห็นราคาทองคำทำนิวไฮใหม่
สำหรับปัจจัยลบต่อราคาทองคำ ได้แก่ รายงานการประชุมของคณะกรรมการ FOMC ซึ่งมีหน้าที่หลักในการกำหนดและรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยตรง และตัวเลข GDP ของสหรัฐใน Q1/66 ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว นอกจากนี้ อาจมีปัจจัยอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเดิมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น ความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ หรือภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนปัจจัยใหม่อื่นๆ ที่น่าพิจารณา ได้แก่ การขาดสภาพคล่องของธนาคารในสหรัฐฯ เพิ่มเติม ซึ่งเริ่มขยายวงไปในกลุ่มธนาคารยุโรป เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 66)
Tags: ทองคำ, ธนาคารกลางสหรัฐ, ราคาทอง, ออสสิริส