ช่วงบ่ายวันอังคาร (4 เม.ย.) ตามเวลาสหรัฐหรือประมาณเที่ยงคืน 24 นาทีของวันนี้ตามเวลาไทย ฝูงชนมารวมตัวกันนอกศาลอาญาแมนฮัตตัน คลาคล่ำไปด้วยผู้ประท้วง ช่างภาพ และนักข่าวจากสำนักต่าง ๆ เพื่อรอชมวันประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ที่นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมหาอำนาจแห่งนี้ขึ้นมาเมื่อปีพ.ศ. 2319 นายโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ คืออดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ถูกตั้งข้อหาคดีอาญา
ทรัมป์เดินทางถึงศาลอาญาแมนฮัตตันในนครนิวยอร์กในช่วงบ่ายวันอังคารตามเวลาสหรัฐ เพื่อมอบตัวต่ออัยการและรับทราบข้อกล่าวหากรณีจ่ายเงินปิดปากให้กับดาราหนังผู้ใหญ่ไม่ให้แฉความสัมพันธ์ลับ
ทรัมป์ไม่ได้ถูกสวมกุญแจมือขณะเดินเข้าไปในศาล และสื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปบันทึกภาพเหตุการณ์ภายในห้องพิจารณาคดี
ทรัมป์ถูกคณะลูกขุนของศาลฯ สั่งฟ้องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และในที่สุดก็ได้รับการเปิดเผยในวันอังคารนี้ว่า เขาถูกตั้งข้อหาความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ 34 กระทงจากการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจเพื่อจ่ายเงินปิดปากในกรณีดังกล่าว
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ผู้นี้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ทรัมป์โดนเรื่องอะไร?
ย้อนกลับไปในปี 2549 นายทรัมป์มีสัมพันธ์สวาทกับสตอร์มี เดเนียลส์ ดาราหนังผู้ใหญ่ สิบปีต่อมา ทรัมป์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ทรัมป์วิตกว่า หากเธอเอาเรื่องนี้ไปแพร่งพรายออกสื่อ อาจทำลายโอกาสในการชนะเลือกตั้งของเขาได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทรัมป์จึงตัดสินใจเซ็นสัญญาข้อตกลงห้ามเปิดเผย (NDA) กับเธอ พร้อมให้นายไมเคิล โคเฮน ทนายความคู่ใจของทรัมป์ในสมัยนั้น จ่ายเงินให้เดเนียลส์ถึง 130,000 ดอลลาร์ เพื่อเป็นค่าปิดปาก
อย่างไรก็ดี แทนที่จะจ่ายด้วยเงินส่วนตัว ทนายโคเฮนกลับเอาบ้านไปจำนองแล้วนำเงินที่ได้ไปจ่ายให้สตอร์มี เดเนียลส์ ผ่านบริษัท Essentail Consultants LLC ที่เขาจัดตั้งขึ้นมาบังหน้าเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
จากนั้น บริษัทในเครือทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน ก็จ่ายเงินคืนให้ทนายโคเฮนเป็นงวด ๆ โดยลงบัญชีว่าเป็นค่าธรรมเนียมตามกฎหมายของบริษัท
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่สหรัฐจะเปิดฉากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559
ณ จุดนี้เองที่เป็นเหตุให้นายทรัมป์ถูกคณะลูกขุนฟ้องคดีอาญาอุกฉกรรจ์ เพราะการปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจเช่นนี้ถือเป็นความผิดทางอาญา ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทรัมป์ทำอาจเป็นการละเมิดกฎหมายเงินทุนเพื่อการหาเสียงเลือกตั้งของสหรัฐอีกด้วย
ในเดือนพ.ค. 2562 ทนายโคเฮนถูกจำคุกที่เรือนจำรัฐนิวยอร์กเป็นเวลา 3 ปี หลังจากที่เขาสารภาพผิดในคดีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนายทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการละเมิดกฎหมายควบคุมการใช้จ่ายในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง, การฉ้อโกงเงิน, การหลีกเลี่ยงภาษี และการให้การเท็จต่อสภาคองเกรส โดยมี 2 คดีที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนกฎหมายระดมทุนเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง
นายอัลวิน แบรกก์ อัยการของศาลแขวงแมนฮัตตัน ได้สืบสวนเรื่องนี้มาเป็นเวลาหลายเดือนและได้ติดต่อไปยังทนายความคนปัจจุบันของทรัมป์ เพื่อขอความร่วมมือให้ทรัมป์เข้ามอบตัว
ทรัมป์ยอมรับว่าได้จ่ายเงินให้อดีตทนายโคเฮนจริง แต่ปฏิเสธว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และโทษว่าการตั้งข้อหากับเขาครั้งนี้มีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง
อัยการแบรกก์แถลง ไม่มีวันยอมให้การกระทำผิดทางอาญากลายเป็นเรื่องปกติได้ ไม่ว่าคุณเป็นใครก็ตาม
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายทรัมป์แล้ว อัยการแบรกก์ซึ่งเป็นผู้นำในการทำคดีดังกล่าวได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า บันทึกทางธุรกิจหลายฉบับแสดงให้เห็นว่ามีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อปกปิดการกระทำที่เข้าข่ายประพฤติผิดในคดีอาญา ซึ่งถือเป็นการทำลายข้อมูลที่เป็นหลักฐานสำคัญ
“ตามกฎหมายรัฐนิวยอร์กนั้น การกระทำเหล่านี้ถือเป็นความผิดในคดีอาญาไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม เราจะไม่มีวันยอมให้พฤติกรรมอันเข้าข่ายคดีอาญาเช่นนี้กลายเป็นพฤติกรรมที่ปกติได้” อัยการแบรกก์กล่าว
อัยการแบรกก์เสริมว่า อดีตปธน.ทรัมป์จะอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันกับใครก็ตามที่ก่อคดีอาชญากรรมคอปกขาว (white collar crime)
“แน่นอนว่าบันทึกทางธุรกิจที่ถูกต้องแม่นยำและเป็นไปตามความจริงนั้นคือเรื่องสำคัญไม่ว่าที่ไหนก็ตาม และยิ่งสำคัญขึ้นไปอีกในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก นี่เป็นเหตุว่าทำไมสำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตันของเราจึงมีประวัติการดำเนินคดีอาชญากรรมคอปกขาวอย่างจริงจัง”
อัยการแบรกก์กล่าวต่อไปว่า ทางสำนักงานฯ “ตั้งข้อหาความผิดอาญาอุกฉกรรจ์จากการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจมาแล้วนับร้อยครั้ง พูดได้ว่าการตั้งข้อหาครั้งนี้ถือเป็นงานประจำของเรา” และระบุว่า นายทรัมป์จะไม่อยู่เหนือกฎหมาย
“วันนี้เรายึดมั่นในความรับผิดชอบอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ทุกคนย่อมเสมอกันในกฎหมาย เงินจำนวนเท่าใดและอำนาจใดก็ไม่อาจเปลี่ยนหลักการของอเมริกาอันยืนยงข้อนี้ไปได้” อัยการแบรกก์กล่าวปิดท้าย
ทางด้านนายทอดด์ บลานช์ ทนายความของนายทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากศาลเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีว่า “นายทรัมป์รู้สึกผิดหวังและไม่สบอารมณ์กับผลการพิจารณาคดี แต่เขายังคงมีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไป”
“เรื่องนี้ไม่อาจหยุดยั้งเจตนารมณ์ของเขาได้ และไม่สามารถทำให้เขาช้าลงด้วย ผมไม่รู้สึกประหลาดใจต่อผลการพิจารณาคดี และทีมทนายของผมพร้อมที่จะต่อสู้ในทุกข้อกล่าวหา”
ทั้งนี้ การไต่สวนเพื่อพิจารณาคดีในรอบต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 4 ธ.ค.ปีนี้
ทรัมป์แถลงโต้ “ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในอเมริกา”
หลังเสร็จสิ้นการรับทราบข้อกล่าวหาที่นิวยอร์ก ทรัมป์เดินทางกลับรัฐฟลอริดาเพื่อแถลงออกสื่อที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก (Mar-a-Lago) ของเขาเมื่อค่ำวันอังคารตามเวลาสหรัฐหรือประมาณ 7 โมงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยตั้งข้อกังขาถึงคำฟ้องคดีดังกล่าว และระบุว่า เขาเป็นเหยื่อของพวกพรรคเดโมแครตที่สมคบคิดกันหาทางทำลายโอกาสในการลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2
“อาชญากรรมเดียวที่ผมก่อขึ้นคือ ผมไม่กลัวที่จะปกป้องชาติของเราจากพวกที่จ้องจะทำลาย” ทรัมป์กล่าว โดยชี้ว่าการสั่งฟ้องครั้งนี้เป็นเพียงการโจมตีทางการเมืองเท่านั้น เช่นเดียวกับการใส่ร้ายทางการเมืองและทางกฎหมายที่มีต่อตัวเขามาตลอดหลายปีนี้
นายทรัมป์กล่าวว่า เขาถูกปองร้ายมาตั้งแต่ครั้งที่เปิดแคมเปญหาเสียงเมื่อปี 2559 และระบุว่า การที่เขาถูกไต่สวนเพื่อพยายามถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง
“ประเทศของเรากำลังตกนรก” ทรัมป์กล่าว “มันคือการดูถูกประเทศของเรา ขณะที่โลกกำลังหัวเราะเยาะเรา”
ทรัมป์อ้างว่า ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ทางกฎหมายทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย “ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในอเมริกา”
ทรัมป์ปิดท้ายการแถลงด้วยการวิจารณ์อัยการแบรกก์ว่า “อาชญากรตัวจริงก็คือท่านอัยการศาลแขวง เพราะเขาปูดข่าวแบบผิดกฎหมาย” และด้วยเหตุนี้ อัยการแบรกก์ควรถูกฟ้องหรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรลาออก
จากนั้น ทรัมป์เริ่มลามไปถึงภรรยาและครอบครัวของอัยการแบรกก์ โดยประณามภรรยาของอัยการแบรกก์ที่โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ว่า ข้อกล่าวหาต่าง ๆ จะ “เล่นงาน” ทรัมป์ได้
“ผมมีผู้พิพากษาที่เป็นพวกเกลียดทรัมป์ ครอบครัวเขาก็เกลียดทรัมป์ ลูกสาวเขาก็ทำงานให้กับคามาลา แฮร์ริส” ทรัมป์เอ่ยถึงรองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต
ทรัมป์ยังคงยืนหนึ่ง ตัวเต็งแคนดิเดตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน
อย่างไรก็ดี เรื่องฉาวโฉ่สะท้านโลกเช่นนี้กลับไม่อาจทำลายความนิยมในตัวทรัมป์ได้ แม้คนอเมริกันจำนวนมากจะเชื่อว่าทรัมป์จ่ายค่าปิดปากให้ดาราหนังผู้ใหญ่จริง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคิดเลือกนายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 อยู่ดี
โพลล์จากรอยเตอร์/อิปซอสส์ทำการสำรวจชาวอเมริกัน 706 คนระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-3 เม.ย.ทางออนไลน์ ซึ่งเป็นช่วงที่ข่าวทรัมป์ถูกฟ้องมีการเผยแพร่ออกสื่อแล้ว โดยผลสำรวจพบว่า นายทรัมป์ได้รับความนิยมทิ้งห่างว่าที่แคนดิเดตรายอื่น ๆ ที่คาดว่าจะลงสมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567
48% ของผู้ที่ระบุตัวเองว่าเลือกพรรครีพับลิกันต้องการให้ทรัมป์เป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 44% ของโพลล์ครั้งก่อน ขณะที่คู่แข่งของทรัมป์อย่างนายรอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา กลับมีคะแนนสนับสนุนลดลงเหลือเพียง 19% จากเดิมที่ 30%
นอกจากนี้ ผลสำรวจดังกล่าวระบุว่า 71% ของชาวอเมริกันเชื่อว่า ทรัมป์จ่ายเงินค่าปิดปากให้สตอร์มี เดเนียลส์ จริง ส่วน 51% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด และ 80% ของผู้ที่ระบุตัวเองว่าเลือกพรรครีพับลิกัน คิดว่าการตั้งข้อหากับนายทรัมป์ครั้งนี้มีแรงจูงใจทางการเมือง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 66)
Tags: In Focus, สหรัฐ, โดนัลด์ ทรัมป์