PLT นับถอยหลังขาย IPO-เข้า mai ลุยขยายกองเรือ-รถขนส่ง LPG โบรกฯให้เป้าสูงสุด 2.20 บ.

บมจ.พีลาทัส มารีน (PLT) ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางเรือและธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางรถ เตรียมพร้อมเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 280,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 29.17% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์ (1) เพื่อลงทุนซื้อเรือบรรทุกก๊าซ LPG และก๊าซเคมีเหลว จำนวนเงินที่ใช้ประมาณ 250-300 ล้านบาท ภายในปี 66-67 โดยซื้อเรือมือสองที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี เพื่อทดแทนเรือเก่า เพื่อปรับอายุกองเรือให้มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 25 ปี และขยายกองเรือใหม่สำหรับการเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าเหลวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

(2) เพื่อลงทุนขยายกองรถบรรทุกก๊าซ LPG มีจำนวนเงินที่ใช้ประมาณ 65 ล้านบาท ภายในปี 2566 (3) เพื่อใช้ในการติดตั้งระบบ ERP ภายในองค์กร จำนวนเงินที่ใช้ประมาณ 15 ล้านบาท ภายในปี 2566 (4) ปรับปรุงลานจอดรถบรรทุกก๊าซ LPG และก่อสร้างโรงซ่อมบำรุงรถบรรทุกก๊าซ LPG จำนวนเงินที่ใช้ประมาณ 12 ล้านบาท ภายในปี 2566 และ (5) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจากจำนวนเงินที่เหลือจากทำรายการทั้งหมดตั้งแต่ปี 2566

ปัจจุบัน PLT มีกองเรือ 19 ลำ ขนาดตั้งแต่ 570-900 ตัน และรถขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว จำนวน 44 คัน ประกอบด้วย รถ 6 ล้อ รถ 10 ล้อ รถลากจูง และรถกึ่งพ่วง ซึ่งมีลูกค้าหลักเป็นผู้จัดจำหน่ายก๊าซ LPG รายใหญ่ที่เป็นพันธมิตรที่ดีอย่าง บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ตามด้วย บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) และ บมจ.ปตท. (PTT)

ผลดำเนินงานปี 62-65 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการขนส่งรวม 707.77 ล้านบาท 637.75 ล้านบาท 665.34 ล้านบาท และ 794.16 ล้านบาท ตามลำดับ และกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท 35.93 ล้านบาท 55.07 ล้านบาท และ 62.21 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ 4 แห่งออกบทวิเคราะห์ ประเมินราคาเหมาะสมสูงสุดของหุ้น PLT ไว้ที่ 2.20 บาทต่อหุ้น เนื่องด้วยบริษัทยังเติบโตแข็งแกร่งจากความต้องการใช้ LPG ที่เพิ่มขึ้นและการขยายกองเรือและรถรองรับความต้องการของลูกค้า และเป็นธุรกิจที่มีรายได้และกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอจากสัญญาระยะยาวจากลูกค้าหลัก แตกต่างกับบริษัทเดินเรือทั่วไปที่รายได้ขึ้นลงตามวัฏจักรพร้อมกับผู้เล่นในตลาดมีน้อยราย

บล.ทิสโก้ ให้ราคาเหมาะสมหุ้น PLT ปี 66 ที่ 2.00-2.20 บาท ด้วยวิธี PER ที่ 18-20 เท่า คาดผลประกอบการจะเติบโตเฉลี่ย 22% ต่อปีระหว่างปี 66-68 ด้วยกำไรสุทธิในปี 66 อยู่ที่ 106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถัดไปในปี 67 คาดกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และในปี 68 คาดมีกำไรสุทธิ 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%

ผลการดำเนินงานสูงขึ้นต่อเนื่องจากคาดการณ์รายได้ของ PLT จะเติบโตเฉลี่ย 14% ต่อปี ในปี 66 ปริมาณการขนส่งทางเรือคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ 1.6 ล้านตันในปี 66 หรือเพิ่มขึ้น 5% ส่วนปริมาณขนส่งทางรถคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.6 หมื่นตัน หรือเพิ่มขึ้น 11% ตามแผนการปรับกองเรือและรถ อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มดีขึ้น 22.2% จากต้นทุนพลังงานที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมทั้งปริมาณการขนส่งและการปรับกองเรือและรถจะทำให้ประสิทธิภาพการขนส่งเพิ่มขึ้น

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ให้ราคาเหมาะสมหุ้น PLT ปี 66 ที่ 2.00 บาท อิงจาก PE ที่ 18.0 เท่า คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ ในปี 66 ราว 109 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า จากอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือสูงขึ้นจาก 18.5% เป็น 23.0% ในปีนี้ เป็นผลมาจากต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง HSFO ลดลงหลังรัสเซียส่งออกน้ำมันเตา HSFO มาทางทวีปเอเชียมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทางทวีปยุโรปและประเทศอเมริกาเริ่มแบนน้ำมันสำเร็จรูปของรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.66

พร้อมคาดรายได้ของธุรกิจขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือจะโตขึ้น 12% เป็น 833 ล้านบาท เนื่องจากแผนขยายกองเรือ โดยซื้อเรือใหม่ 1 ลำขนาด 3,500 CBM ในช่วงกลางปี 66 สำหรับวิ่งต่างประเทศ และปริมาณขนส่ง LPG ทางเรือเพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ส่วนกำไรสุทธิปี 67 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 119 ล้านบาท เติบโต 9% จากปีนี้ ตามแผนขยายกองเรือที่ได้ซื้อเรือใหม่ 2 ลำในปีหน้าประกอบด้วย 1) ขนาด 1,200 CBM สำหรับวิ่งในประเทศ และ 2) ขนาด 3,500 CBM สำหรับวิ่งต่างประเทศ ทำให้รายได้ของ ธุรกิจขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือน่าจะโตขึ้น 14% เป็น 947 ล้านบาทในปี 67

ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินราคาเหมาะสมปี 66 ของ PLT ที่ 2.00 บาท อิง PER ที่ 20.0 เท่า โดยประมาณการกำไรปี 66 ที่ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% และปี 67 ที่ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% ตามรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่จะดีขึ้น อีกทั้งการเติบโตในระยะยาวยังมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากการมีสัญญาระยะยาวถึง 15 ปี และมีโอกาสขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม ที่ PLT ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเหมาะสม PLT ปี 66 ที่ 2.10 บาท อิง EPS ปี 2566 ที่ 0.11 บาท และ P/E ที่ 19.4 เท่า คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 66 กำไรสุทธิ 103 ล้านบาท เติบโต 65.6% จากการขยายกองเรือ กองรถ และการขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม ส่วนปี 67 คาดกำไรสุทธิ 121 ล้านบาท เติบโต 17.7% จากการเพิ่มขึ้นของกองเรือและการได้รับสัญญาธุรกิจเดินเรือในประเทศและกลุ่ม CLMV เพิ่ม

ความน่าสนใจในการลงทุน PLT มี 5 ประเด็น ได้แก่ 1. เป็นธุรกิจที่มีรายได้และกำไรอย่างสม่ำเสมอจากสัญญาระยะยาวจากลูกค้าหลัก แตกต่างกับบริษัทเดินเรือทั่วไปที่ขึ้นลงตามวัฏจักร 2. เป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งก๊าซ LPG ในประเทศที่ครอบคลุมทั้งทางบกและน้ำ ประสบการณ์ให้บริการขนส่ง LPG นานกว่า 10 ปี มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และมีประสบการณ์ทำธุรกิจกับ CLMV

3. Barrier to entry สูง มีผู้เล่นในตลาดน้อยราย เพราะเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูง ต้องมีความชำนาญและประสบการณ์ 4. ผู้ใช้ LPG ปลายทางมาจากโรงบรรจุก๊าซหุงต้ม LPG ตามด้วยโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งโตตาม GDP ของประเทศ และ LPG มีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่ม CLMV ต่างจาก LPG ในรถยนต์ที่โตช้าลง และ 5. ได้ร่วมลงนาม MOU กับผู้นำเข้าและจำหน่ายก๊าซ LPG รายใหญ่ในเวียดนาม คาดว่าเริ่มดำเนินธุรกิจได้ช่วงครึ่งหลังของปี 66

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มี.ค. 66)

Tags: , , ,