รศ.ผกากรอง เทพรักษ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กล่าวว่า จากการสำรวจความกังวลของผู้ประกอบการท่องเที่ยวในไตรมาส 1/66 ส่วนใหญ่มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจมากที่สุด โดยเฉพาะพลังงาน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลปัญหาทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ จากการสำรวจจังหวัดที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากทุนจีนมากที่สุด 5 อันดับแรก (สำรวจ 100 ธุรกิจในแต่ละประเภท) พบว่า อันดับ 1. กรุงเทพมหานคร ได้รับผลกระทบ 36 ธุรกิจ 2. ภูเก็ต 17 ธุรกิจ 3. กระบี่ 13 ธุรกิจ 4. เชียงใหม่ 13 ธุรกิจ และ 5. ประจวบคีรีขันธ์ 13 ธุรกิจ
สำหรับธุรกิจได้รับผลกระทบจากทุนจีนมากที่สุด 5 อันดับแรก (สำรวจ 100 ธุรกิจในแต่ละประเภท) พบว่า อันดับ 1. โรงแรม ได้รับผลกระทบ 42 ธุรกิจ 2. บริษัททัวร์ 33 ธุรกิจ 3. ร้านของฝาก 29 ธุรกิจ 4. ร้านอาหาร 28 ธุรกิจ และ 5. สปา 28 ธุรกิจ
รศ.ผกากรอง กล่าวว่า การที่ทุนจีนเข้ามามากขึ้น ในภาพรวมของทั้งประเทศได้รับผลกระทบประมาณ 30% อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมาจากจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ซึ่งจากการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า 90% คือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้น ในแง่ความรุนแรงคาดว่าส่งผลกระทบเกิน 60%
“ผู้ประกอบการฝากให้ภาครัฐแก้ปัญหานอมินี การลงทุนจากต่างชาติเป็นเรื่องดี ทำให้คนไทยมีงานทำ แต่ต้องระวังเงินไหลออกนอกประเทศด้วย” รศ.ผกากรอง กล่าว
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวถึงปัญหาทุนจีนว่า ประเทศไทยมีกฎหมายอยู่แล้วว่าสามารถดำเนินการอะไรได้หรือไม่ได้ เพียงแค่ภาครัฐ ทั้งตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำไปใช้และเข้ามาดูแลอย่างจริงจังหรือไม่ ขณะที่ภาคเอกชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ ก็ต้องให้ความร่วมมือในการแจ้งปัญหา ความเดือดร้อน ไปยังภาครัฐ โดยหากแจ้งมาทาง สทท. ก็พร้อมส่งเรื่องต่อไปยังนายกรัฐมนตรี
“สทท. ส่งเสียงไปยังนายกท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัดว่า ถ้ามีนอมินี หรือไกด์เถื่อนให้แจ้ง แต่ก็ไม่มีใครแจ้ง บางฝ่ายบอกว่าไม่รู้ว่าคนจีนทะเลาะกันเองหรือไม่ และจากการตรวจสอบบริษัทส่วนใหญ่ก็ทำตามกฎหมายไทย บางคนแต่งงานกับคนไทย มีหุ้นส่วน 49% ต่อ 50% ตอนนี้เห็นข่าว แต่ยังไม่พบผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจริงๆ ถ้าเดือดร้อนก็รวมตัวกันซัก 100 คน สทท. พร้อมพาไปเจอนายกฯ ให้แก้ปัญหาเร่งด่วน” นายชำนาญ กล่าว
นายกิตติ พรศิวะกิจ โฆษกและประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ สทท. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และได้มีการสอบถามปัญหาของผู้ประกอบการ หนึ่งในปัญหาที่กังวล คือ เรื่องทุนจีน ซึ่งผู้ประกอบการแนะนำทางออกของปัญหา อาทิ ควรแก้บทลงโทษ แก้กฎหมายให้หนักขึ้น, สร้างระบบแจ้งเตือน พร้อมส่งหลักฐานหากพบทุนจีนผิดกฎหมาย และส่งเสริมให้มีการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่ง สทท. รับข้อเสนอแนะดังกล่าวและพร้อมเดินหน้าต่อไป
ด้าน นายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธาน สทท. กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ มีหน้าที่รับผิดชอบและดำเนินการตามกฎหมาย ในประเด็นนอมินี และปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานภายใต้ พ.ร.บ.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ คนต่างชาติไม่สามารถประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในไทยได้อยู่แล้ว แต่เรื่องการติดตามทางกฎหมาย เป็นหน้าที่ของภาครัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 66)
Tags: กิตติ พรศิวะกิจ, ท่องเที่ยว, ทุนจีน, นักท่องเที่ยว, ผกากรอง เทพรักษ์, ผู้ประกอบการ, สุรวัช อัครวรมาศ