นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ได้รับทราบเรื่องราวร้องทุกข์จาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ยื่นคำร้องต่อผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่ กทม. ที่เกี่ยวข้องกับการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้ บมจ. แสนสิริ (SIRI) ได้ก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง เขตวัฒนา และมีการเรียกเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรการและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
นายชัชชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นทางสะพานที่ถูกร้องเรียนดังกล่าว เป็นทางสาธารณะที่ใช้ข้ามคลอง ซึ่งต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายในการผ่านทาง เรื่องนี้ทาง กทม. ขอรับไปตรวจสอบ ซึ่งตรวจสอบได้ไม่ยาก เนื่องจากการดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การขออนุญาตก่อสร้าง การปฏิบัติตามระเบียบ EIA ซึ่งการบังคับใช้ตามกฎหมายกทม.
อย่างไรก็ดี ตามหลักการ หากก่อสร้างบนที่ดินของเอกชนนั้น เอกชนสามารถดำเนินการเก็บค่าผ่านทางได้ ดังนั้นจึงต้องขอตรวจสอบในแง่ของการอนุญาตก่อสร้างสะพาน และจุดประสงค์ของการสร้างสะพานดังกล่าวว่ามีจุดประสงค์อย่างไร ซึ่งการขออนุญาตก่อสร้างสะพาน จะต้องมีการขออนุญาตจาก กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ราชการกำหนด
“ดังนั้น ต้องตรวจสอบว่า เงื่อนไขในการก่อสร้างสะพาน มีจุดประสงค์เพื่ออะไร เพื่อสาธารณะ หรือขอเป็นทางส่วนตัวของเอกชน ซึ่งการตรวจสอบจะมอบหมายให้ทางสำนักงานเขตวัฒนา เจ้าของพื้นที่เป็นผู้ตรวจสอบ ทั้งนี้ การก่อสร้างสะพานผ่านพื้นที่เอกชนหรือหมู่บ้านในรูปแบบนี้ มีอยู่จำนวนมากในกทม.” นายชัชชาติระบุ
สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากนายศรีสุวรรณ ได้ร้องเรียนว่า บมจ.แสนสิริ ได้ขออนุญาตสำนักการโยธา กทม. ก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยขนาดใหญ่พิเศษ โครงการ The Base Park East และโครงการ The Base Park West โดยจัดทำรายงาน EIA ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ แล้วทั้ง 2 โครงการ
ทั้งนี้ ได้ระบุไว้ในรายงาน EIA ว่า ในการดูแล บำรุงรักษา ถนนภาระจำยอมบนโฉนดที่ดิน 8 แปลง และสะพานข้ามคลองพระโขนง ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคริมถนน ฯลฯ นั้น หากเกิดกรณีสะพานชำรุดเสียหาย นิติบุคคลอาคารชุดจะเป็นผู้ดำเนินการประสานไปยังสำนักงานเขตวัฒนา เพื่อซ่อมแซมด้วยค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ที่ถือครองกรรมสิทธิ์เองทั้งสิ้น รวมทั้งรับผิดชอบค่าไฟฟ้าส่องสว่างที่เกิดขึ้นในที่ดินภาระจำยอมนั้นด้วย
ส่วนในการขออนุญาตก่อสร้าง บมจ.แสนสิริ นำที่ดินถนนภาระจำยอม มายื่นร่วมในการขออนุญาตก่อสร้าง รวมทั้งเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินภาระจำยอมทั้ง 8 แปลง ได้ยินยอมให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าใช้ประโยชน์ถนนภาระจำยอม เพื่อเป็นเส้นทางลัดเชื่อมระหว่างถนนซอยสุขุมวิท 77 (อ่อนนุช) ผ่านถนนของการทางพิเศษฯ ออกสู่ถนนซอยปรีดีพนมยงค์ 2 ได้ และต้องแจ้งให้บุคคลภายนอกทราบว่าถนนภาระจำยอมเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้สัญจรได้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อ 14 ของระเบียบกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการขออนุญาตก่อสร้างสะพานข้ามคลอง 2549
อย่างไรก็ดี เมื่อเปิดใช้สะพานดังกล่าวตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา กลับมีการตั้งป้อมเรียกเก็บเงินค่าผ่านสะพานและถนนภาระจำยอมดังกล่าว จำนวน 10-20 บาทมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประมาณรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท โดยเป็นที่สงสัยว่าสำนักงานเขตวัฒนา หรือสำนักการโยธา ไม่ได้ดำเนินการใดๆ หรือบังคับให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน EIA ซึ่งหากไม่ดำเนินการอาจถือได้ว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของกทม. มีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร
ดังนั้น จึงนำมาซึ่งการร้องเรียนต่อผู้ว่าฯ กทม. เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวน เอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยเร็วที่สุด และสั่งการไปยังบุคคลหรือบริษัทที่เก็บค่าผ่านทางดังกล่าว ให้คืนเงินทั้งหมดกลับคืนสู่ผู้จ่ายเงินไปก่อนหน้านี้ ฐานลาภมิควรได้ หรือให้ กทม. นำไปใช้ประโยชน์เพื่อการสาธารณะต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มี.ค. 66)
Tags: ค่าใช้จ่าย, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, ผู้ว่าฯ กทม., ศรีสุวรรณ จรรยา, สะพานพระโขนง, แสนสิริ