สิ้นสุดขาขึ้น! คาดกนง. 29 มี.ค.ขึ้นดบ. 0.25%ทิ้งท้าย แรงกดดันเงินเฟ้อลด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 29 มี.ค.นี้ คาดว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% โดยมองว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้อาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นนี้ ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับแรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเริ่มลดลง เนื่องจากธนาคารกลางหลักอย่างธนาคารกลางสหรับ (เฟด) เริ่มส่งสัญญาณเตรียมหยุดขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้

ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือน ก.พ.66 ที่ออกมาล่าสุด สะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 1-3% ส่งผลให้ กนง. อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นนี้ที่ 0.25%

โดยเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือน ก.พ. ลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนที่ 3.8%YoY ซึ่งการที่เงินเฟ้อยังอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายของ กนง.นั้น เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ กนง. ยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะถึงนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) สำหรับอนาคต หากมีสถานการณ์ที่ส่งผลให้ กนง. จำเป็นต้องมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญนี้ จะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปีนี้ กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของ กนง. โดยอยู่ที่ราว 2.8% (กรอบเป้าหมายที่ 1-3%) ขณะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วของธนาคารกลางหลัก อย่างธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกอบกับปัญหาธนาคารชาติตะวันตกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น กนง. คงจะต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้

นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟด เริ่มเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว ส่งผลให้แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเริ่มลดลง

ทั้งนี้ จากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ล่าสุดในวันที่ 21-22 มี.ค. ที่ผ่านมาเฟด มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ตามคาด ขณะที่ส่งสัญญาณว่าวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุดลง ส่งผลให้แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของเฟดนั้นมีลดลง

อย่างไรก็ดี ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอน โดยคงขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมถึงเสถียรภาพด้านการเงินในระยะข้างหน้า ท่ามกลางปัญหาภาคธนาคารในประเทศตะวันตก โดยหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย แล้วส่งผลให้ Fed อาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า คงต้องติดตามว่ากนง. จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามหรือไม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มี.ค. 66)

Tags: , , , , ,