นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า หลังจากเกิดวิกฤตธนาคารในสหรัฐ ที่ให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าสตาร์ทอัพล่ม ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากให้กับโลก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เตือนให้กับผู้ลงทุนในธุรกิจที่เป็นสตาร์ทอัพจะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้นในการพิจารณาเพื่อนำเงินไปลงทุนในสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะด้านแผนงานของธุรกิจของสตาร์ทอัพที่จะนำเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ไปใช้ให้เกิดขึ้นได้จริง และสามารถสร้างกำไรได้ มากกว่าการเน้นในการดึงปริมาณผู้ใช้เข้ามาในสตาร์ทอัพเป็นหลัก
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นว่าเมื่อก่อนสตาร์ทอัพจะโชว์ด้านปริมาณมากกว่า แต่กว่าจะมีกำไรได้ก็ใช้เวลานาน ตอนนี้การลงทุนสตาร์ทอัพก็จะต้องเข้มงวดมากขึ้น และมองไปถึงโอกาสในการสร้างกำไรได้จริง ถึงจะเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเข้าลงทุน” นายอรรถพล กล่าว
สำหรับกลุ่มปตท.ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่สามารถนำมาต่อยอด และเสริมศักยภาพให้กับกลุ่มปตท.อย่างต่อเนื่อง แต่ก็จะมีการนำระบบมาใช้คัดกรองสตาร์ทอัพ และเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเน้นไปที่สตาร์ทอัพที่สามารถสร้างกำไรได้จริงมากขึ้น เพื่อสะท้อนภาพของการทำธุรกิจของสตาร์ทอัพที่แข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนกลับมาให้กับกลุ่มปตท.ได้ด้วยเช่นกัน
ด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลของกลุ่มปตท.นั้น จะมีการเปิดให้บริการในช่วงเดือนมิ.ย. 66 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ e-Market place ที่พัฒนาโดยปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) แต่ความท้าทายในการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าวยอมรับว่าจะต้องหาแนวทางที่แตกต่าง และเป็นรูปแบบเฉพาะ ที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มเจ้าใหญ่ในตลาด ที่จะเป็นรูปแบบการดึงคนเข้ามาในแพลตฟอร์ม และขายโฆษณา แต่แพลตฟอร์มดังกล่าวจะนำรูปแบบกายภาพ (Physical) ของร้านค้าที่มีสาขาอยู่ และออนไลน์ มาผสานเข้ากัน และใช้ฐานผู้ใช้บริการสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เข้ามาใช้บริการ พร้อมกับออกโปรโมชั่นดึงผู้ใช้ใหม่เข้ามา และจะมีสินค้าที่หลากหลายในแพลตฟอร์มให้เลือกซื้อ
“การทำแพลตฟอร์ม เป็นสิ่งที่ยาก เพราะผู้เล่นรายเล็กๆแพ้ผู้เล่นรายใหญ่หมด ก็เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก และต้องมีเงินทุนสูงในการทำ ทำให้การเข้ามาเล่นในตลาดออนไลน์แพลตฟอร์มของเราต้องทำให้เป็นแบบเฉพาะและแตกต่าง นำ Physical และออนไลน์เข้ามาด้วยกัน เพื่อทำให้เป็นรูปแบบแตกต่าง” นายอรรถพล กล่าว
สำหรับการเติบโตของปริมาณรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทาง OR ยังคงเดินหน้าในการขยายสถานีบริการชาร์ต EV ให้ครอบคลุ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในสิ้นปี 66 ทุกคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถเดินทางได้ทั่ว 77 จังหวัดในประเทศ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องจุดชาร์ต EV ซึ่งจะเป็นไปตามแผนงานของ OR ที่จะขยายจุดชาร์ต EV ให้ครอบคลุมทั่วประเทศในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มี.ค. 66)
Tags: E-Market place, PTT, ปตท., สตาร์ทอัพ, อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์