นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ แม้เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ทำให้ตลาดกลับสู่โหมดปิดรับความเสี่ยง และกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แนะหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานดีได้รับปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว พร้อมให้แนวต้าน 1,590 จุด แนวรับ 1,570 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาปรับตัวลง แม้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด แต่ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง รวมถึงเจ้าหน้าที่เฟดยังคงสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดกลับมาโหมดปิดรับความเสี่ยง และกังวลในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยอีกครั้ง โดยตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ปรับตัวลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มองว่าหากตลาดมีจังหวะการย่อตัวลงมา สามารถทยอยเก็บหุ้นที่มีพื้นฐานดี และมีปัจจัยบวกของการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศเข้ามาได้ หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก และดีดกลับขึ้นไปเพียงเล็กน้อย
โดยให้แนวต้าน 1,590 จุด แนวรับ 1,570 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,030.11 จุด ร่วงลง 530.49 จุด หรือ -1.63%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,936.97 จุด ลดลง 65.90 จุด หรือ -1.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,669.96 จุด ลดลง 190.15 จุด หรือ -1.60%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,232.97 จุด ลดลง 233.64 จุด หรือ -0.85%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,619.74 จุด เพิ่มขึ้น 28.31 จุด หรือ +0.14% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,258.78 จุด ลดลง 6.97 จุด หรือ -0.21%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 มี.ค.66) 1,585.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.90 จุด (+0.50%) มูลค่าการซื้อขาย 51,001.11 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,132.37 ลบ.เมื่อวันที่ 22 มี.ค.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (22 มี.ค.)พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 70.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 มี.ค.) อยู่ที่ 7.36 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.20 แข็งค่าตามภูมิภาค ขานรับเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามตลาดคาด
– “อาคม” ฝากรัฐบาลใหม่สานต่อ 5 นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ชี้นโยบายการเงินการคลังต้องประสาน การลงทุนในอีอีซี เดินหน้าต่อ บริหารจัดการรายได้-รายจ่ายให้สมดุล ระบุ ปีนี้ ‘จีดีพี’ ยังโตได้ 3-4% แต่ยังเผชิญปัจจัยเสี่ยง 3 ด้าน ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ส่งออกชะลอ ปิดสถาบันการเงินในต่างประเทศ
– กกพ.เห็นชอบค่า Ft หลังเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน 3 ทางเลือก ประชาชนส่วนใหญ่เลือกแนวทางที่ 3 โดยค่า Ft อยู่ที่ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟาเฉลี่ยรวม 4.77 บาทต่อหน่วย ทำให้ไฟฟาบ้านจ่ายเพิ่มเล็กน้อย 5 สต./หน่วย ภาคธุรกิจ อุตฯ จ่ายลดลง 56 สตางค์ต่อหน่วย ส.อ.ท. ผิดหวังภาคครัวเรือนต้องจ่ายแพงขึ้นอีก 5 สตางค์
– ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยล่าสุดเมื่อปลายปี 65 ในเขตกทม.และปริมณฑล พบว่า มีที่อยู่อาศัยเหลือขายมากถึง 184,524 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.8% มูลค่าสูงถึง 916,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% เนื่องจากมีโครงการใหม่เข้ามาถึง 205,806 หน่วย มูลค่า 1 ล้านล้านบาท แต่กำลังซื้อยังค่อนข้างทรงตัว ส่งผลให้โครงการที่อยู่อาศัยที่ค้างสต๊อกเพิ่มมากขึ้น
– รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย และการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของต่างชาติ ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึง วันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 5,578,721 คน สร้างรายได้แล้ว 215,052 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 13-19 มี.ค.66 พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทย คือ มาเลเซีย จีน รัสเซีย อินเดียและเกาหลีใต้ ตามลำดับ ขณะเดียวกันยังพบว่า นักท่องเที่ยวจีน มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 7.25% ขณะที่มาเลเซียลดลง 20.58% และอินเดีย ลดลง 3.63%
หุ้นเด่นวันนี้
-BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/66 คาดเติบโตต่อเนื่อง q-q หนุนจากผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดรายได้ 1QTD +6% y-y ส่วนภาพทั้งปี 2566 ผู้บริหารมองรายได้โต 6-8% y-y แม้ฐานสูง แต่ได้แรงหนุนจากจีนและซาอุฯที่เร่งตัว คาดกำไรปี 2566 +7%y-y และมี upside หาก EBITDA Margin ทำได้ดีกว่าคาด และเป็นหุ้นที่คาดเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาดในภาวะผันผวนปัจจุบัน
– GPSC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 78.00 บาท คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/66 ฟื้นตัว QoQ หนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.66 จำนวน 61.5 สตางค์ต่อหน่วย ขณะที่ต้นทุนก๊าซฯ และถ่านหินลดลง ส่วนทิศทางในปี 66 คาดว่าโรงไฟฟ้า SPP จะเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง โดยคาดว่าราคาก๊าซในอ่าวจะปรับลดลงจากการผลิตของเอราวัณ-บงกชเพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อการนำเข้า Spot LNG น้อยลง นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากค่า Ft ที่ทรงตัวในระดับสูงเพื่อลดการขาดทุนของ EGAT ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท ฟื้นตัวเด่นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มี.ค. 66)
Tags: SET, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย