มูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีลดลงกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) เพียงวันเดียว หลังจากราคาเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีต่าง ๆ ร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ และอีเธอร์
ข้อมูลจากคอยน์ เมทริกส์ (Coin Metrics) ระบุว่า ราคาบิตคอยน์ดิ่งลงหลุดจากระดับ 26,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน แตะที่ระดับ 25,401.29 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ขณะที่ราคาอีเธอร์ ร่วงลงแตะระดับต่ำถึง 1,704.05 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 ที่ราคาอีเธอร์ดิ่งลงหลุดจากระดับ 2,000 ดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นักลงทุนแห่เทขายคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มถดถอยลง โดยสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพุธ (11 พ.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% และใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีซึ่งอยู่ที่ 8.5%
นอกจากนี้ ตลาดคริปโทฯ ยังได้รับแรงกดดันหลังจากราคาสเตเบิลคอยน์ TerraUSD หรือ UST ทรุดตัวลงจนหลุดมูลค่า 1 ดอลลาร์ที่ตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 30 เซนต์ในวันพุธ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)
ทั้งนี้ สเตเบิลคอยน์เปรียบเหมือนบัญชีธนาคารของโลกคริปโทฯ โดยที่ผ่านมานักลงทุนสกุลเงินดิจิทัลได้ให้ความสนใจลงทุนในสเตเบิลคอยน์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน แต่ราคาเหรียญ UST ซึ่งใช้อัลกอริทึมเพื่อคงมูลค่าแม้ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง (Algorithmic Stablecoin) นั้น ทรุดตัวลงต่อเนื่องจนถึงระดับที่ไร้เสถียรภาพ เนื่องจากบรรดาผู้ถือเหรียญ UST แห่เทขาย
ณ วันพฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. เหรียญ UST มีการซื้อขายอยู่ที่ 43 เซนต์ ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าที่ตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1 ดอลลาร์ ขณะที่เหรียญลูนา (Luna) ซึ่งผูกติดกับ UST ด้วยนั้น ทรุดตัวลงรุนแรงถึง 99% และมูลค่าล่าสุดอยู่ที่ระดับเพียง 4 เซนต์เท่านั้น
การทรุดตัวของเหรียญ UST ส่งผลให้เกิดแรงเทขายทั่วทั้งตลาดคริปโทฯ โดยเหรียญเทเธอร์ (Tether) ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์สกุลใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงหลุดจากมูลค่า 1 ดอลลาร์ที่ตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐแล้วในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายรายกังวลว่า เหรียญเทเธอร์อาจมีมูลค่าต่ำกว่าข้อกำหนดที่จะได้รับอนุญาตให้ตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินดอลลาร์ หากมีการแห่เทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดสเตเบิลคอยน์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในแง่การใช้งาน โดยเป็นไปตามทิศทางของกระแสความสนใจในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เช่น เหรียญเทเธอร์ ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์สกุลใหญ่ที่สุด และมีเหรียญหมุนเวียนอยู่ในระบบคิดเป็นมูลค่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับ 4 พันล้านดอลลาร์เมื่อ 2 ปีก่อน
หน่วยงานกำกับดูแลมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ เนื่องจากเกรงว่าผู้ออกเหรียญไม่ได้สำรองเงินสกุลหลักไว้มากเพียงพอกับจำนวนเหรียญ รวมถึงความเป็นไปได้ที่ว่าอาจมีผู้ใช้เหรียญเหล่านี้เพื่อฟอกเงินหรือกระทำการผิดกฎหมายอื่น ๆ ตลอดจนการที่รัสเซียอาจใช้คริปโทเคอร์เรนซีเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากกรณีรุกรานยูเครน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 65)
Tags: CPI, Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, บิตคอยน์, อีเธอร์, เงินเฟ้อ