นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/65 มีรายได้รวม 2,543 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 64 จำนวน 442 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 38.7 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 114.6 ล้านบาท
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโตของรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/65 คือราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากตามสถานการณ์ในตลาดโลก มีผลทำให้รายได้ในส่วนของโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่นปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังมีผลทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานซึ่งส่วนใหญ่คือค่าก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้น 627.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.9% อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะเผชิญกับสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติที่ผันผวน บริษัทยังคงมีปัจจัยบวกจากการลดลงของส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันและบริษัทร่วม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 29.2 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ที่ดีขึ้น
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกจะยังคงผันผวนและอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ดี สถานการณ์น้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี มีแนวโน้มดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 1/65 มีปริมาณน้ำไหลเข้าโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 86.9 และปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี เพิ่มขึ้น 23.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 ซึ่งหากสถานการณ์น้ำยังคงดีอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี โรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้งสองของบริษัทจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของ CKP ในภาพรวมให้แข็งแกร่ง
“ทิศทางและเป้าหมายธุรกิจของ CKP ในปี 65 ได้มุ่งเน้นสู่การเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีระดับคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการมุ่งสู่สังคมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608 โดย CKP ได้ตั้งงบลงทุนจำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อเพิ่มทุนตามสัดส่วนในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ใน สปป.ลาว และลงทุนเพิ่มเติมในโครงการพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทที่ 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 67 และเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 95% ของกำลังการผลิตรวมของบริษัท” นายธนวัฒน์ กล่าว
CKP ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย (1) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 42.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ (2) โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์
และ (3) โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ค. 65)
Tags: CKP, ซีเค พาวเวอร์, ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์, หุ้นไทย