PRINC คงเป้ารายได้ปีนี้โต 20-25% แม้กำไร Q1/65 โตกว่าทั้งปี 64

นายธานี มณีนุตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯในงวดไตรมาสแรกของปี 2565 นี้ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 2,085.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 1,362.2 ล้านบาท, YoY, คิดเป็น 188.4%

โดยหากพิจารณาเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลที่มีอยู่เดิม มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 1,339.1 ล้านบาท (206.7%) จากทุกโรงพยาบาลมีรายได้สูงขึ้น โดยเฉพาะโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 678.4 ล้านบาท (897.1%) ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรในไตรมาสแรกปีนี้ที่ 456.6 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการสูงขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 629.8 ล้านบาท หรือ 363.6% (ไตรมาสที่ 1/64 มีขาดทุนที่ 173.2 ล้านบาท) ซึ่งผลกำไรในไตรมาสแรกเพียงไตรมาสเดียว มากกว่ากำไรสุทธิที่เกิดขึ้นทั้งปีในงวดปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 92.9 ล้านบาท

ปัจจัยหลักมาจากการร่วมมือกับภาครัฐดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์โควิด-19 และยังส่งผลให้จำนวนผู้มาใช้บริการทางการแพทย์ประเภท Non Covid-19 พุ่งสูงขึ้นด้วย และปัจจุยหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการสุขภาพเติบโตสูงมาก

ขณะเดียวกันในปี 65 นี้ จะรับผลดีเต็มปีจากการรับรู้รายได้การเปิดดำเนินงานโรงพยาบาลอีก 2 แห่งในปีที่ผ่านมา คือ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน โดยเฉพาะโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ ที่เปิดดำเนินงานเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 มีรายได้ในไตรมาสนี้ถึง 56.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการตรวจและรักษาโควิค -19

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลประกอบการงวดไตรมาสแรกจะเติบโตอย่างโดดเด่น แต่บริษัทฯ ยังคงกำหนดเป้าหมายการเติบโตแบบอนุรักษ์นิยม คาดหมายรายได้ในปีนี้จะเติบโตระดับ 20-25% จากปี 64 ที่มีรายได้รวม 5,059 ล้านบาท เนื่องจากประเมินสถานการณ์โควิด-19 น่าจะเริ่มคลี่คลายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และด้วยสภาพเศรษฐกิจอาจชะลอตัวจากปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูง อาจกระทบต่อการบริโภคของประชาชน

ส่วนการขยายโรงพยาบาลยังคงมุ่งเน้นตามแผนรวม 20 แห่งในปี 67 จากปัจจุบัน 13 แห่ง เปิดดำเนินงานแล้ว 12 แห่งใน 10 จังหวัด รวม 1,124 เตียง และล่าสุดโรงพยาบาลพริ้นซ์ สกลนคร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดดำเนินการเปิดให้บริการได้ในปี 66 และมีแผนเข้าไปบริหารจัดการหรือก่อสร้างใหม่อีกอย่างน้อย 2 แห่ง ทั้งในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการขยายการให้บริการของเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์

ส่วนแผนการขยายบริการทางการแพทย์เฉพาะทางและธุรกิจสุขภาพอื่นๆ บริษัทฯได้เปิดศูนย์บริการทางการแพทย์ ให้บริการเฉพาะทางในโรคต่าง ๆ อาทิ การร่วมมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผ่านบำรุงราษฎร์  เฮลท์เน็ตเวิร์ค ร่วมเปิดศูนย์มะเร็งพิษณุเวชฮอไรซัน โรงพยาบาลพิษณุเวช และยังมีแผนขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวไปยังโรงพยาบาลในเครือฯอื่นๆเพิ่มเติมในปีนี้ 1-2 แห่งอีกด้วย

ขณะเดียวกันยังคงร่วมมือกับ NK Group ประเทศญี่ปุ่น ขยายการให้บริการศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยและผู้สูงอายุ PRINC Recovery Center and Elder Care เตรียมขยายไปโรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ เป็นแห่งถัดไป หลังจากประสบความสำเร็จที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ซึ่งศูนย์เหล่านี้ได้รับการตอบรับดีอย่างมาก และมีส่วนกระตุ้นการเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังเร่งขยายคลินิกปฐมภูมิ คลินิกใกล้บ้านใกล้ใจ ตั้งเป้า 40 สาขาในปี 66 จากปัจจุบันเปิดดำเนินการแล้วทั้งหมด 17 สาขา เป็นกลไกสำคัญในการสร้างการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลโดยเฉพาะร่วมดูแลผู้ป่วยโควิด Home Isolation กับภาครัฐในช่วงสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา

หรือแม้แต่การขยายการให้บริการธุรกิจใหม่ Aesthetic & Wellness ‘ผิวดีคลินิก’ (PEWDEE CLINIC) ทั้งหมด 10 สาขาในกรุงเทพและปริมณฑล ดำเนินงานโดยบริษัท ผิวดี เอสเธติคส์ จำกัดในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ พร้อมเตรียมยังโรงพยาบาลในเครือฯ 3-4 แห่งในปีนี้ ได้แก่ รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, รพ.พริ้นซ์ ปากน้ำโพ, รพ.พิษณุเวช และรพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการพัฒนาไปสู่โรงพยาบาลยั่งยืน (Sustainable hospital) ในปี 66 โดยร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและพันธมิตรในหลายองค์กร ผลักดันกระบวนการการสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ค. 65)

Tags: , , ,