ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงกว่า 600 จุดในวันจันทร์ (9 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ดิ่งหลุดจากระดับ 4,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,149.06 จุด ลดลง 170.28 จุด หรือ -0.65%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,300.68 จุด ร่วงลง 701.28 จุด หรือ -3.51% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,965.78 จุด ลดลง 38.36 จุด หรือ -1.28%
ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว
ทางด้านนักวิเคราะห์จากธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิง กรุ๊ป ระบุว่า “แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินแบบคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้สิ้นสุดลงแล้ว ความจริงก็คือ เฟดไม่สามารถควบคุมด้านอุปทานในเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ ตราบใดที่ตัวชี้วัดสำคัญ เช่น อัตราการมีส่วนร่วมของกำลังแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำและการส่งออกของจีนชะลอตัวลง ความเสี่ยงต่อการเกิดเงินเฟ้อ รวมถึงอัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น”
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 โดยล่าสุดทางการจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 3.9% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 และชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 14.7%
นักลงทุนยังจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในวันพุธนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเดือนมิ.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 65)
Tags: ตลาดหุ้นเอเชีย