ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยยังคงได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (28 เม.ย.) จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังกังวลแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนพ.ค.นี้
- ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,686.30 จุด เพิ่มขึ้น 410.13 จุด หรือ +2.02% และ
- ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 2,986.54 จุด เพิ่มขึ้น 11.05 จุด หรือ +0.37%
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (29 เม.ย.) เนื่องในวันโชวะ
แม้ภาวะการซื้อขายยังอยู่ในแดนบวก แต่ตลาดยังคงกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจของจีน โดยล่าสุดมีรายงานว่า กรุงปักกิ่งของจีนได้สั่งปิดสถานที่อีกหลายแห่งในวันนี้ (29 เม.ย.) ซึ่งรวมถึงโรงยิม, ศูนย์การค้า, โรงภาพยนตร์ และอะพาร์ตเมนต์ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามผู้ติดเชื้อเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ประชาชนมีความไม่พอใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกับการสั่งล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ซึ่งการล็อกดาวน์ดำเนินมาล่วงเข้าสู่เดือนที่ 2 แล้ว
นายฟุค-เฮียน ยัป นักวางแผนกลยุทธ์การลงทุนระดับอาวุโสของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เวลธ์ แมเนจเมนท์ ระบุว่า “ขณะนี้มีสี่ปัจจัยระยะสั้นที่ส่งผลต่อตลาด นั่นคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นและการส่งสัญญาณใช้นโยบายเชิงรุกของเฟด, สงครามในยูเครน และนโยบายของจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุมของคณะกรรมการกรมการเมืองของจีน (โปลิตบูโร) เพื่อหาสัญญาณการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) ของรัฐบาลจะทำให้ทางเลือกของผู้มีอำนาจตัดสินใจในจีนเป็นไปอย่างจำกัด ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานเผชิญกับความผันผวน ส่วนการดำเนินงานในโรงงานหลายแห่งและการเดินทางของประชาชนยังคงถูกจำกัด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นเอเชีย