นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าหมายยอดขายรวมปีนี้เพิ่มจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% เนื่องจากบริษัทปรับราคาขายสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น หลังจากตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอนสูงจากสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกส่งผลให้ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น และผลักดันให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ประกอบกับการทยอยเปิดประเทศในภูมิภาคนี้จะส่งผลให้มีแรงกระตุ้นการบริโภคให้ฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงเชื่อว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในจีนใกล้คลี่คลายแล้ว ก็น่าจะหนุนความต้องการใช้สินค้าฟื้นตัวได้เพิ่มขึ้นอีกในระยะถัดไป
ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง และพิจารณาลงทุนในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ให้สูงขึ้น รวมถึงเข้มงวดในการลงทุนด้านอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านต้นทุนที่ขณะนี้มีความผันผวนค่อนข้างมาก อีกทั้งเน้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อยู่ในตรีมการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือกลุ่มสินค้า Green ตลอดจนเรื่องของ Service Solution ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายังมีความต้องการสูง
นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงผ่านการหาแหล่งวัตถุดิบใหม่มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าหากความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกรุนแรงขึ้น บริษัทจะสามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้ และทำอย่างไรให้ต้นทุนยังสามารถบริหารจัดการได้ จากการใช้เครื่องมือด้านการเงินในรูปแบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม มองว่าไทย หรืออาเซียน ยังอยู่ห่างจากสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าว ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP 2) ประเทศเวียดนาม ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงของการศึกษาและออกแบบ เบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุปว่าจะดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขณะที่ LSP 1 ดำเดินการก่อสร้างไปแล้ว 93% คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิต (COD) ได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 ได้ตามแผน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 65)
Tags: SCC, ปูนซีเมนต์ไทย, รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส, หุ้นไทย