นายราวี เมนอน ผู้ว่าการธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) กล่าวว่า สิงคโปร์จำเป็นต้องเข้มงวดในการออกใบอนุญาตซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี เนื่องจากกังวลถึงความเสี่ยงของนักลงทุนรายย่อย และความเป็นไปได้ที่สินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งรวมถึงคริปโทฯ นั้น จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน และการระดมทุนให้กับขบวนการก่อการร้าย
“ขั้นตอนการออกใบอนุญาตซื้อขายคริปโทฯ จำเป็นต้องเข้มงวด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลก็ควรสร้างความชัดเจนให้กับอุตสาหกรรมคริปโทฯ ด้วย การดำเนินการเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะเราต้องการเป็นศูนย์กลางคริปโทฯ ระดับโลกที่มีความรับผิดชอบ ควบคู่ไปกับการมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการจัดการความเสี่ยง” นายเมนอนได้กล่าวในการประชุมสุดยอดคริปโทและสินทรัพย์ดิจิทัลที่จัดโดยไฟแนนเชียล ไทมส์ในวันพุธ (27 เม.ย.)
นายเมนอนกล่าวว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์ยังคงกังวลว่า นักลงทุนรายย่อยจะมีความเสี่ยงเมื่อเข้าลงทุนในคริปโทฯ และเชื่อว่า ธนาคารกลางทั่วโลกก็มีความกังวลในเรื่องนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์จะพิจารณาว่า ผู้ที่ยื่นขอใบอนุญาตซื้อขายคริปโทฯ นั้น มีโครงสร้างด้านธรรมาภิบาลขององค์กรที่แข็งแกร่งหรือไม่ รวมทั้งติดตามประวัติการซื้อขายของผู้ที่ยื่นขอใบอนุญาตว่า มีความเสี่ยงที่จะเข้าข่ายการฟอกเงินและสนับสนุนการเงินให้กับขบวนการก่อการร้ายหรือไม่
“แม้ว่าขณะนี้ สินทรัพย์ในรูปคริปโทฯ ยังไม่ถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงิน แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกใช้เพื่อการฟอกเงินและเป็นแหล่งระดมทุนของขบวนการก่อการร้าย” นายเมนอนกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 65)
Tags: Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, ธนาคารกลางสิงคโปร์, ราวี เมนอน, สิงคโปร์, สินทรัพย์ดิจิทัล