ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 800 จุดในวันอังคาร (26 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 500 จุดและปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน, การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,240.18 จุด ลดลง 809.28 จุด หรือ -2.38%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,175.20 จุด ลดลง 120.92 จุด หรือ -2.81% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,490.74 จุด ลดลง 514.11 จุด หรือ -3.95%
ปีเตอร์ บูควาร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทบลีคลีย์ แอดไวเซอรี กรุ๊ป กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น โดยความกังวลเหล่านี้รวมถึงสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียเตือนว่า วิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครนอาจลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนพ.ค. รวมทั้งผลกระทบจากการที่จีนยังคงล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจ และล่าสุดมีการปิดกั้นพื้นที่บางส่วนของกรุงปักกิ่งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์ว่า จีนอาจจะล็อกดาวน์กรุงปักกิ่งในไม่ช้านี้
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 4.99% โดยหุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ร่วงลง 2.2% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 3.82% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 5.8% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 4.46%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 3.71% ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์และอัลฟาเบทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการ ส่วนบริษัทแอปเปิล, แอมะซอน และเมตา แพลตฟอร์มส์ จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนกังวลว่า บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้อาจมีผลประกอบการที่อ่อนแอลงเช่นเดียวกับเน็ตฟลิกซ์
ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.74% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 3.59% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 3.23% หุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 4.58% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.73% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 5.48%
หุ้นเทสลา ทรุดตัวลง 12.18% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า นายอีลอน มัสก์ อาจต้องขายหุ้นบางส่วนที่ถืออยู่ในบริษัทเทสลาเพื่อนำเงินมาซื้อกิจการบริษัททวิตเตอร์มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 10.34% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีงบการเงิน 2565 มีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการล็อกดาวน์เมืองสำคัญของจีนได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งหลุดจากระดับ 2.8% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 2.94% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.85% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 2.25% หุ้นเวลส์ ฟาร์กโก ร่วงลง 2.73%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 8.6% สู่ระดับ 763,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 765,000 ยูนิต จากระดับ 835,000 ยูนิตในเดือนก.พ. โดยยอดขายบ้านใหม่ได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งขึ้น และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.5%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 65)
Tags: dowjones, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก