บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (18-22 เม.ย.) จะมีแนวรับอยู่ที่ 1,665 และ 1,650 จุด ส่วนแนวต้านจะอยู่ที่ 1,685 และ 1,700 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 ของบจ. โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/65 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
เมื่อสัปดาห์ก่อนหุ้นไทยปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนมีการปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงก่อนวันหยุดยาว ระหว่างรอติดตามผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 ของบริษัทจดทะเบียนไทยที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ การปรับตัวลงของหุ้นไทยยังสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ขณะที่สถานการณ์โควิดในภาพรวมของไทย รวมถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ
โดยในวันอังคาร (12 เม.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,674.34 จุด ลดลง 0.69% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 61,805.73 ล้านบาท ลดลง 18.23% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.27% มาปิดที่ 655.67 จุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 เม.ย. 65)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้นไทย, บล.กสิกรไทย, หุ้นไทย