สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4% ในวันพุธ (13 เม.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากรัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มโอเปกพลัสเปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพกับยูเครนได้มาถึงทางตัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 3.65 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 104.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 4.14 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 108.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า การบุกโจมตีของรัสเซียในยูเครนจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย และยืนยันว่าการรบจะดำเนินการไปตามแผน แม้ได้ทำการถอนทหารครั้งใหญ่เมื่อเผชิญกับการต่อต้านอย่างแข็งแกร่งของยูเครน และรัสเซียได้สูญเสียทหารจำนวนหลายพันนายจากการสู้รบในยูเครนที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.ก็ตาม
ถ้อยแถลงของปธน.ปูตินสะท้อนให้เห็นว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจจะยืดเยื้อต่อไป และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
ทางด้านนายโมฮัมหมัด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปกเตือนว่า ในกรณีที่มีการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียนั้น จะไม่สามารถชดเชยปริมาณน้ำมันที่หายไปถึง 7 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ พร้อมกับคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะไม่ถูกผลักดันโดยปัจจัยพื้นฐาน แต่จะถูกผลักดันจากปัจจัยทางการเมืองเป็นหลักในปัจจุบัน
สัญญาน้ำมันดิบไม่ได้รับผลกระทบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 9.4 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 421.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 เม.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 863,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 388,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 111.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2557
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 เม.ย. 65)
Tags: lifestyle, น้ำมัน WTI, น้ำมันดิบ, ราคาน้ำมัน