นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ออกโรงเตือนสหรัฐว่า การที่สหรัฐตีความว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นการต่อสู้ระหว่างระบอบประชาธิปไตยและระบอบเผด็จการนั้น จะยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ซ้ำร้ายจะเป็นการผลักดันให้จีนอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้บอบช้ำลงไปกว่าเดิม
“สหรัฐต้องระวังที่จะไม่ตีความปัญหาของยูเครนในลักษณะดังกล่าว และฟันธงว่าจีนอยู่ผิดฝั่งอย่างแน่นอน” นายลีกล่าว “เราทุกคนต่างได้รับผลกระทบจากกรณียูเครน ผมคิดว่าหากเราเปลี่ยนเป็นนำเสนอในประเด็นอำนาจอธิปไตย เอกราช และบูรณภาพ หลาย ๆ ชาติจะต้องมาเข้าร่วมกับเรา แม้แต่จีนเองก็ไม่อาจคัดค้าน ทั้งยังอาจหันมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวเป็นการส่วนตัว”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังตึงเครียดจากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความมั่นคงและเศรษฐกิจของไต้หวัน ตลอดจนพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ รวมถึงปัญหาด้านการค้าและการแข่งขันด้านเทคโนโลยี ขณะที่สิงคโปร์พยายามจะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกับทั้งสองชาติ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาในระดับสากล อาทิ ภาวะโลกร้อน และการรับมือกับโรคโควิด-19
นับจนถึงขณะนี้ จีนยังคงไม่ยอมแสดงท่าทีคัดค้านต่อกรณีที่รัสเซียใช้กำลังทหารบุกยูเครน ส่งผลให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐมองว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน อาจพยายามเดินเกมสนับสนุนสหายรักอย่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ขณะที่สงครามยังคงยืดเยื้อ
ก่อนหน้านี้ นายลีเคยกล่าวว่า การที่รัสเซียบุกยูเครนนั้นทำให้จีนเกิดความอึดอัดใจ เนื่องจากพฤติกรรมของรัสเซียถือเป็นการละเมิดหลักการบูรณภาพแห่งดินแดน อธิปไตย และการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ ซึ่งเป็นหลักการที่จีนยึดมั่นมาโดยตลอด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 65)
Tags: ยูเครน, รัสเซีย, ลี เซียนลุง, สหรัฐ, สิงคโปร์