บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (11-15 เม.ย.) จะมีแนวรับอยู่ที่ 1,675 และ 1,660 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,700 และ 1,710 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมี.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต
สัปดาห์ก่อนหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเบาบางก่อนวันหยุดช่วงกลางสัปดาห์ อย่างไรก็ดี หุ้นไทยร่วงลงในเวลาต่อมาทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังรายงานการประชุมเฟดล่าสุดบ่งชี้ว่า เฟดอาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดงบดุลในการประชุมรอบถัดไป ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของไทยพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้แรงขายหลักๆในสัปดาห์นี้มาจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ
เมื่อวันศุกร์ (8 เม.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,686.00 จุด ลดลง 0.90% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 75,586.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.56% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.19% มาปิดที่ 657.42 จุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 65)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้นไทย, บล.กสิกรไทย, หุ้นไทย