ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ยอดค้าปลีกของสหรัฐลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อยังสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนที่กำลังรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า คณะกรรมการเฟดจะเริ่มอภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,299.33 จุด ลดลง 94.42 จุด หรือ -0.27%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,246.59 จุด ลดลง 8.56 จุด หรือ -0.20%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,072.86 จุด ลดลง 101.29 จุด หรือ -0.71%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 1.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.8% โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนผิดหวังและวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อยังสร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6% และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี PPI เดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 6.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2553 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 6.3%
การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อทำให้นักลงทุนวิตกกังวล ก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มอภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการ QE ในการประชุมครั้งนี้ แต่คาดว่าเฟดจะยังไม่เปิดเผยแผนการดังกล่าวต่อสาธารณชนจนกว่าจะถึงเดือนส.ค.หรือก.ย.ปีนี้
เจย์ ไบรสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์เวลส์ ฟาร์โกกล่าวว่า “แม้เราไม่คิดว่าคณะกรรมการเฟดจะเปลี่ยนแปลงวงเงินในโครงการ QE ในการประชุมเดือนมิ.ย. แต่รายงานการประชุมเฟดในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมานั้น ได้เผยให้เห็นถึงแผนการปรับลดวงเงิน QE ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน ทั้งนี้ เราเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วเฟดจะเริ่มอภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมวันที่ 15-16 มิ.ย.”
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 1.03% ทั้งนี้ หุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ปรับตัวลง 0.29% หุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส ดิ่งลง 7.42% หุ้นฮัดสัน แปซิฟิก พร็อพเพอร์ตี้ส์ ร่วงลง 2.01%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารปรับตัวลง 0.5% โดยหุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 0.99% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.84% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.64% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.59%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.06% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเกือบ 2% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 3.64% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.16% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดีดขึ้น 1.43% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.5%
หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้น 0.57% ขานรับข่าวสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการทำสงครามการค้าที่เกิดจากความขัดแย้งเป็นเวลาถึง 17 ปีในกรณีการให้เงินอุดหนุนต่ออุตสาหกรรมการบินของทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากก่อนหน้านี้ สหรัฐและ EU ต่างก็กล่าวหาแต่ละฝ่ายว่า ให้เงินอุดหนุนที่ผิดกฎหมายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์แก่โบอิ้งและแอร์บัส เพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องบิน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มิ.ย. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก