แหล่งข่าวจาก บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า หลังจากบริษัทได้มีพันธมิตรใหม่จากออสเตรเลียเข้ามาถือหุ้นใน เจเนซิส ดาต้า เซ็นเตอร์ แทน บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) และ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ส่งผลให้มีผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดใหญ่ระดับโลก (Hyperscale) เข้ามาเซ็นสัญญากับทางบริษัท
โดยล่าสุดวานนี้ (3 เม.ย.65) Amazon Web Services (AWS) ได้เข้ามาเซ็นสัญญาใช้บริหารดาต้าเซ็นเตอร์แล้ว โดยอยู่ระหว่างการเตรียมเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าจะเข้าใช้บริการได้ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ โดย AWS จะเริ่มใช้งานในช่วงเริ่มแรกที่ขนาด 0.6 เมกะวัตต์ และเพิ่มเป็น 2 เมกะวัตต์ ภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามาเพิ่มอีกราว 150-200 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดใหญ่ระดับโลก (Hyperscale) ทั้งโซเชียลมีเดีย และเสิร์ชเอนจิน ที่สนใจเข้ามาใช้พื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ โดยรายหนึ่งที่อยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมคือ บริษัท อาลีบาบา คลาวด์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือน ส.ค. นี้
พร้อมกันนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ จากปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมด 2.4 เมกะวัตต์ และมีผู้ใช้บริการแล้ว 0.6 เมกะวัตต์ ซึ่งหากผู้ใช้บริการเป็นไปตามแผน บริษัทจะต้องมีการขยายขนาดของดาต้าเซ็นเตอร์เป็น 6 เมกะวัตต์ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนดำเนินการ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 400-500 ล้านบาท
“หลังจากที่เราได้พันธมิตรใหม่เข้ามา ทำให้โอกาสการได้ลูกค้ารายใหม่ๆเข้ามาเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยจะเน้นไปในกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ระดับโลก (Hyperscale) ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการเซ็นสัญญากับ AWS แล้ว และยังได้มีการเจรจากับลูกค้าขนาดใหญ่อีกหลายๆรายที่คาดว่าจะเข้ามาใช้ดาต้าของบริษัทได้ ทั้ง อาลีบาบา และ Facebook เป็นต้น ซึ่งอันนี้ก็ต้องรอติดตามความคืบหน้าของการเจรจาอีกครั้ง”
แหล่งข่าวจาก กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 เม.ย. 65)
Tags: ITEL, หุ้นไทย, อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม