นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามภูมิภาค โดยตลาดหุ้นเอเชียปรับลงรับความกังวลภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาชะลอตัว หลังตัวเลข PMI จีนเมื่อวานนี้ออกมาต่ำกว่าคาด และยังมีปัจจัยราคาน้ำมันลดลงหลังสหรัฐฯปล่อยน้ำมันในคลังออกมาเพิ่ม รวมถึงสถานการณ์รัสเซียและยูเครนที่ยังไม่แน่นอน โดยให้แนวต้าน 1,705 จุด แนวรับ 1,685 จุด
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่ามีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ได้รับแรงกดดันจากดัชนี PMI จีนที่ออกมาเมื่อวานนี้ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำให้กระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาจชะลอตัวลงตามไปด้วย ซึ่งยังไม่รวมถึงผลกระทบของการล็อกดาวน์ในจีนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้ยังปรับตัวลงค่อนข้างแรง หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯเตรียมปล่อยน้ำมันดิบในคลังออกมาเพิ่มอีกขึ้น อาจจะยังเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานwด้ และความกังวลต่อเนื่องจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอีกมาก กลับมาเป็นแรงกดดันต่อตลาดอีกครั้ง
โดยให้แนวต้าน 1,705 จุด แนวรับ 1,685 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (31 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,678.35 จุด ลดลง 550.46 จุด หรือ -1.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,530.41 จุด ลดลง 72.04 จุด หรือ -1.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,220.52 จุด ลดลง 221.76 จุด หรือ -1.54%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,821.43 จุด ลดลง 197.32 จุด หรือ -0.71%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,693.10 จุด ลดลง 303.75 จุด หรือ -1.38% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,234.67 จุด ลดลง 17.53 จุด หรือ -0.54%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 มี.ค.) ที่ระดับ 1,695.24 จุด ลดลง 3.16 จุด, -0.19%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 254.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 มี.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.(31 มี.ค.) ลดลง 7.54 ดอลลาร์ หรือ 7% ปิดที่ 100.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 มี.ค.) อยู่ที่ 11.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.33 ทรงตัวหลังตลาดกลับมากังวลสถานการณ์ยูเครน จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ
– นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจใหม่ จาก 3.4% ลงมาที่ 3.2% ไม่ใช่เงื่อนไขที่รัฐบาลจะต้องกู้เงิน หรือเป็นสัญญาณที่ภาครัฐจะออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่วนที่มีข้อเสนอจาก 3 อดีต รมว.คลัง ให้กู้เงินเพื่อดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติมนั้น ได้มีการหารือร่วมกับ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ในประเด็นดังกล่าวแล้ว และได้ชี้แจงถึงความระมัดระวังในการกู้เงินของรัฐบาล เนื่องจากต้องคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง เพราะสิ่งสำคัญคือ ต้องระวังการกู้เงินเกินตัว
– ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุเศรษฐกิจเดือน ก.พ.ยังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัว โดยการส่งออกสินค้าปรับเพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจต่างประเทศ ขณะเดียวกัน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามการกลับมาเปิดลงทะเบียนเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go อย่างไรก็ดี การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนยังลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ผลจากการระบาดของโควิด-19 ราคาพลังงานและอาหารสดที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งขึ้นจากราคาอาหารสำเร็จรูป
– ธอส.ตรึงดอกเบี้ยเงินกู้นานถึงสิ้นปี พร้อมปล่อยกู้แม้แบงก์พาณิชย์จะปฏิเสธ เผยเป้าสินเชื่อปีนี้พุ่งกว่า 2.7 แสนล้าน “อาคม” ชี้ปีนี้อสังหาฯเริ่มฟื้นตัวรับภาพรวมเศรษฐกิจ สะท้อนยอดขออนุญาตจัดสรรที่ดินและการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น คาดลงทุนใหม่จะเกิดในอีก 3 เดือนข้างหน้า แนะ 3 ทิศทางพัฒนาธุรกิจ ย้ำให้ ธอส.ตรึงดอกเบี้ยกู้ยันไม่มีแผนกู้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ
– รฟท.เตรียมเสนอ กพอ.สัปดาห์หน้า แก้สัญญา 2 ประเด็น ไฮสปีดเทรน 3 สนามบิน เร่ง “ซีพี” ลงทุน 9.2 พันล้านบาท สร้างพื้นที่ทับซ้อนช่วงดอนเมือง-บางซื่อ พร้อมยืดจ่ายค่าสิทธิบริหารแอร์พอร์ตเรลลิงก์จนกว่าโควิดจะสงบ แต่ไม่เกิน 7 ปี
*หุ้นเด่นวันนี้
– TKS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้าหมาย 19 บาท แนวโน้มไตรมาส 1/65 ยังดีต่อเนื่องจากส่วนแบ่งกำไรของ SYNEX ที่ได้อานิสงส์จากมาตรการมาตรการช้อปดีมีคืน ขณะที่โรงพิมพ์ฟื้นตัว เราคาดกำไรปี 2565 +25% Y-Y ราคาหุ้นปรับลงแรงวานนี้ทำให้ปัจจุบันเทรด PER ต่ำเพียง 13 เท่า และมี Upside ในช่วงปลายปีหากเกิดการยุบสภาและได้งานพิมพ์บัตรเลือกตั้งทั่วไป
– GPSC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 80 บาท ราคาหุ้นร่วงหนัก และ Underperform ตลาดมากๆ ในปีนี้โดย YTD ลดลง 20% กังวลต้นทุนก๊าซเพิ่ม ต้นทุนผลิตแบตเตอรี่พุ่ง วันนี้น้ำมันดิบลงจึงเป็น Sentiment บวกเช่นเดียวกับกลุ่มอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
– KBANK (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 166.00 บาท หุ้นกลุ่มธนาคารขวัญใจนักลงทุนต่างชาติ คาดราคาฟื้นต่อเนื่อง ด้าน Outlook ในช่วงที่เหลือของปีค่อยๆดีขึ้น สินเชื่อ SME เริ่มกลับมา แนะนำให้ทยอยซื้อสะสม Valuation ยังไม่แพงเทรดที่ PBV เพียง 0.75X ถูกกว่า SCB ที่เทรดบน PBV 0.97X ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 4 หมื่น ลบ. และ 4.2 หมื่น ลบ. +6.5%YoY, 4.6%YoY ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 เม.ย. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย