น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน อันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรประหว่างยูเครน-รัสเซีย กรอบวงเงินเบื้องต้น 45,102.65 ล้านบาท เพื่อลดภาระค่าครองชีพใก้แก่ประชาชน และลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบอาชีพในภาคขนส่ง รวมถึงดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย กลุ่มแรงงาน และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมาตรการช่วยเหลือแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ มาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน และมาตรการช่วยเหลือในระยะต่อไป
มาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย 10 มาตรการ ดังนี้
1. ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) เดือนละ 15 บาทต่อถัง เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565 โดยราคาก๊าซหุงต้มเดือนเมษายน 2565 ถังละ 333 บาท เดือนพฤษภาคม 2565 ถังละ 348 บาท และเดือนมิถุนายน 2565 ถังละ 363 บาท กรอบวงเงินเบื้องต้น 6,380 ล้านบาท ซึ่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นผู้บริหารจัดการ
2. ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV 15.59 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565 กรอบวงเงินเบื้องต้น 1,590 ล้านบาท โดยบมจ. ปตท. (PTT) เป็นผู้บริหารจัดการ
3. ลดค่า Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – สิงหาคม 2565 ให้แก่ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน กรอบวงเงินเบื้องต้น 2,000 -3,500 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
4. ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้น รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง ตั้งแต่พฤษภาคม – มิถุนายน 2565 โดยอัตราชดเชยประมาณ 8 บาทต่อลิตร กรอบวงเงินเบื้องต้น 33,140 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกรมสรรพสามิตเป็นผู้บริหารจัดการ
5. ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 1.57 แสนคน จะได้รับส่วนลดค่าน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน (5 บาทต่อลิตร รวม 50 ลิตร) เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – กรกฎาคม 2565 กรอบวงเงินเบื้องต้น 120 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
6. แท็กซี่มิเตอร์ที่เข้าร่วมโครงการลมหายใจเดียวกัน จำนวน 17,460 คน สามารถซื้อก๊าซ NGV ได้ในราคาพิเศษ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม วงเงินไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565 กรอบวงเงินเบื้องต้น 171 ล้านบาท โดยบมจ. ปตท. (PTT) เป็นผู้บริหารจัดการ
7. เพิ่มส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มให้กลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน จากเดิม 45 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565 กรอบวงเงินเบื้องต้น 200 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
8. ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 5,500 คน ได้รับส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565 กรอบวงเงินเบื้องต้น 1.65 ล้านบาท โดย บมจ. ปตท. (PTT) เป็นผู้บริหารจัดการ
9. ลดอัตราเงินสบทบของนายจ้าง จำนวน 4.9 แสนราย และลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 จำนวน 11.2 ล้านคน จาก 5% เหลือ 1% เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – กรกฎาคม 2565
10. ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตน มาตรา 39 จำนวน 1.9 ล้านคน จาก 9% เหลือ 1.9% เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – กรกฎาคม 2565 และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 10.7 ล้านคน จาก 70 – 300 บาท ลดลงเหลือ 42 – 180 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 2565
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ อาทิ
1) การดูแลกลุ่มเกษตรกร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งดำเนินการจัดทำแนวทางช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรโดยการแก้ปัญหาปุ๋ยราคาแพง และปุ๋ยขาดแคลน รวมถึงปัญหาอาหารสัตว์
2) ยกเลิกการจ่ายเงินชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดพรีเมี่ยม ตั้งแต่แมษายน 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ใช้กับกลุ่มรถยนต์ของผู้ที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อลดภาระการสนับสนุนของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
3) การสนับสนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพของราคาพลังงานของประเทศ โดยพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่กองทุนน้ำมันฯ ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินและจำเป็น เพื่อสร้างความมั่นใจแก่สถาบันการเงินที่จะให้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่กองทุนน้ำมันฯ
4) การดูแลกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุก และรถโดยสารสาธารณะ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาลดอัตราหรืองดจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการต่ออายุทะเบียนรถบรรทุก และรถโดยสารสาธารณะในปี 2565
น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือในระยะต่อไป ที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ (สภาพัฒน์) สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปร่วมกันพิจารณาติดตามและปรับปรุงมาตรการการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่เหมาะสม ตามสถานการณ์ของราคาพลังงานในตลาดโลก โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ ความพร้อม และความสามารถทางการเงินของภาครัฐ ภายใต้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า วันนี้มีการออก 10 มาตรการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งทั้งหมดต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี การอุดหนุนค่าน้ำค่าไฟ ค่าแก๊ส มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง ถ้าเราทุ่มงบประมาณทั้งหมดลงไปเฉพาะปัญหาใดปัญหาหนึ่ง อย่าลืมว่าปัญหาอื่นจะตามมาทันที ดังนั้นหลายอย่างต้องทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะตัดงบประมาณทั้งหมดก็คงไม่ได้ วันนี้ต้องดูงบประมาณภาครัฐจะเป็นอย่างไร คือเหตุผลที่จะต้องมีการปรับตัวเลขทางด้านนโยบายการเงินการคลัง เพื่อแก้ปัญหาไว้ในอนาคตตามสมมติฐานที่จะเกิดขึ้น จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 65)
Tags: ค่าครองชีพ, ประชุมครม., ประยุทธ์ จันทร์โอชา, มติคณะรัฐมนตรี, มาตรการช่วยเหลือ, รัชดา ธนาดิเรก, ราคาน้ำมัน