ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงเมื่อคืนนี้ ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เสนอซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีแบบไม่จำกัดจำนวน เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
- ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 28,110.73 จุด เพิ่มขึ้น 166.84 จุด หรือ +0.60% และ
- ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ 21,783.56 จุด เพิ่มขึ้น 98.59 จุด หรือ +0.45%
ตลาดหุ้นฮ่องกงดีดตัวขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มกาสิโนและกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเจดี เฮลท์ พุ่งขึ้นเกือบ 16% หลังบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนในวงเงินสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง
นักลงทุนจับตาสถานการณ์เงินเยนอย่างใกล้ชิด หลังจาก BOJ เสนอซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีแบบไม่จำกัดจำนวน เพื่อสกัดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไม่ให้พุ่งเหนือเป้าหมายที่ระดับ 0.25% โดย BOJ จะดำเนินมาตรการดังกล่าวจนถึงวันพฤหัสบดีนี้
นายชูนิชิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะจับตาตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เงินเยนอ่อนค่ามากจนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกำลังพยายามลดผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนการนำเข้าที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน
การแสดงความเห็นของรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเกิดขึ้นหลังจากที่เงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของญี่ปุ่นซึ่งต้องพึ่งพาการค้าต่างประเทศ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเช้านี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ดีดตัวขึ้นในเดือนมี.ค. หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ BOK ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCSI) เดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ 103.2 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 103.1 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 100 บ่งชี้ว่า บริโภคที่มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น มีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นลบ
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 1.8% แตะที่ระดับ 3.31 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.476 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1% เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มปรับตัวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และหันไปจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้าและคาเฟ่กันมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นเอเชีย